วันจันทร์, กรกฎาคม 02, 2550

First love…ลุ้นรัก(ครั้งแรก)รีเทิร์น

“First love…ลุ้นรัก(ครั้งแรก)รีเทิร์น”

“...หยุดนะ ยัยหางเปีย หยุดเดี๋ยวนี้...ฉันสั่งให้หยุดไงล่ะ ยัยหางเปีย หยุดเดี๋ยวนี้นะ...”
ถึงแม้ว่าผมเปียทั้งสองข้างที่ผูกริบบิ้นสีชมพูสดใสบนหัวของเรียวกะจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยประจานว่า เธอคือคนที่เด็กผู้ชายหน้าตาดีซึ่งอยู่ในยูนิฟอร์มของโรงเรียนนานาชาติชื่อดังกำลังวิ่งตามไล่ล่าอยู่ แต่เรียวกะก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่อไปอย่างไม่คิดชีวิต อีกไม่กี่อึดใจก็จะถึงโรงเรียนมัธยมหญิงล้วนอูเอดะที่เรียวกะเรียนอยู่แล้ว เรียวกะจึงเลือกที่จะกลั้นใจวิ่งหนีเขาต่อไป โดยไม่สนใจว่าตัวเองกับเด็กผู้ชายคนนั้นจะสร้างความปั่นป่วนให้กับผู้คนที่พบเห็นมากแค่ไหน
ออดดดด ออดดดด ออดดดด...
พอเสียงออดบอกเวลาเข้าเรียนเงียบสนิทลงแล้ว เรียวกะก็หันไปสบตาและยิ้มหวานให้กับคุณลุงยามที่กำลังยืนเกาะประตูรั้วทำท่าตกใจจนตาค้างอยู่
“แฮ่ก... แฮ่ก แฮ่ก...กกก โอ๊ย เหนื่อยชะมัดยาดเลย แฮ่ก...กก...”
“วันนี้หนูเรียวกะมาโรงเรียนทันด้วย จริงๆเหรอเนี่ย? เอ...หรือว่านาฬิกาที่โรงเรียนจะเสีย สงสัยลุงจะต้องโทรเรียกช่างมาเช็คดูซะหน่อยแล้วล่ะ”
จะไม่ให้คุณลุงยามแปลกใจที่เห็นเรียวกะผ่านเข้าประตูโรงเรียนมาได้ก่อนที่เสียงออดบอกเวลาเข้าเรียนจะสิ้นสุดลงได้ยังไงกันล่ะ ก็ในเมื่อเรียวกะน่ะ...เป็นเป็นนักมาโรงเรียนสายมือหนึ่งของโรงเรียนมัธยมอูเอดะเชียวนะ
“แฮ่ก...คุณลุงอย่าบอกใครนะคะ จุ๊ๆๆ จริงๆแล้วหนูวิ่งหนีพวกโรคจิตมาตั้งแต่ตอนที่ลงจากสถานีรถไฟฟ้าอะค่ะ ก็เลยทำให้วันนี้หนูมาโรงเรียนทัน ฮี่ๆๆ...”
เรียวกะสารภาพความจริงพลางบุ้ยปากไปทางประตูรั้วซึ่งตอนนี้มีนักเรียนชายหน้าตาดีจากต่างโรงเรียนกำลังยืนเกาะรั้วมองมาทางที่เรียวกะยืนอยู่ตาละห้อย ปากของเขาก็ยังคงตะโกนคำว่ายัยหางเปียไม่ยอมหยุดซะที
“นั่นมันยูนิฟอร์มของโรงเรียนนานาชาติไม่ใช่เหรอ? เค้าเป็นเพื่อนของหนูเรียวกะรึเปล่า?”
เรียวกะรีบสั่นหน้าแรงๆจนผมเปียของเธอแกว่งไปมาเพื่อปฏิเสธ เธอไม่มีวันยอมรับคนโรคจิตที่วิ่งไล่ตามผู้หญิงแบบหน้าด้านๆอย่างนายคนนี้เป็นเพื่อนเด็ดขาด
“หนูขึ้นไปเรียนก่อนนะคะคุณลุง ส่วนนายนั่นน่ะ...ถ้าเค้ายังไม่ยอมไปง่ายๆ เดี๋ยวอาจารย์ฝ่ายปกครองก็มาจัดการเค้าเองแหละค่ะ”
ก่อนที่จะเดินถือกระเป๋านักเรียนจากไป เรียวกะไม่ลืมที่จะหันไปแลบลิ้นปลิ้นตายิ้มเยาะนักเรียนชายคนนั้นที่ไม่สามารถตามเธอเข้ามาในโรงเรียนได้ ก่อนจะเดินส่ายก้นจากไปด้วยความสะใจ

ที่ห้องเรียนเอ ชั้นปีที่สอง โรงเรียนนานาชาติแบลเบอร์รี่
“...วิชาทำอาหาร วิชาชงชา วิชาวัฒนธรรมญี่ปุ่น ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าโรงเรียนมัธยมทั่วไปเค้าเรียนกันแต่วิชาเบๆแบบนี้น่ะ น่าเบื่อ...แล้วก็เห่ยจะตายชัก เฮ้อ...เพราะยัยหางเปียนั่นแท้ๆเชียวที่ทำให้ชีวิตฉันเฮงซวยได้ขนาดนี้ คอยดูนะ...เจอตัวอีกทีนึงล่ะก็ ฉันจะเอาคืนให้สาสมเลย”
ในขณะที่อาจารย์ชาวอังกฤษกำลังทำการสอนวิชาคณิตศาสตร์อยู่หน้าชั้นเรียน ชุนสุเกะก็ง่วนอยู่กับการรื้อค้นเอาของที่อยู่ในกระเป๋านักเรียนสีดำในมือของตัวเองออกมาดู และวิพากษ์วิจารณ์อย่างคับแค้นใจ เพราะกระเป๋านักเรียนใบนี้ไม่ใช่ของเขา แต่มันเป็นของยัยเด็กผู้หญิงหางเปียที่นั่งหลับอยู่ข้างๆเขาบนรถไฟฟ้าเมื่อเช้านี้ พอยัยนั่นสะดุ้งตื่นขึ้นมาได้ก็รีบลนลานลงจากรถไฟฟ้าเพราะว่ารถไฟฟ้ากำลังจะออกจากสถานีที่เธอต้องลงพอดี ก็เลยทำให้ยัยนั่นหลับหูหลับตาคว้าเอากระเป๋านักเรียนของเขาที่บังเอิญตกลงไปอยู่ที่พื้นพร้อมๆกันกับของยัยนั่น แล้วก็ออกวิ่งอย่างตาลีตาเหลือกโดยไม่ได่สนใจอะไรทั้งสิ้น มันก็เลยทำให้เขาต้องมานั่งทำหน้าเซ็งสุดขีดอยู่ในตอนนี้ ...ยิ่งคิด...ชุนสุเกะก็ยิ่งแค้น
“อาจารย์มองนายหลายรอบแล้วนะชุนสุเกะ เดือนนี้นายทำให้ฉันพลอยโดนทำโทษไปด้วยตั้งเจ็ดครั้งแล้วนะ อยู่เฉยๆน่ะ...เป็นรึเปล่า? แล้วอีกอย่างนึงนะ ฉันเตือนนายหลายร้อยรอบแล้วด้วยว่า...อย่านั่งหลับบนรถไฟฟ้า เพราะว่ามันจะทำให้ดูไม่หล่อ”
เท็ปเปก้มตัวลงจนเกือบจะแนบกับโต๊ะเรียน ตอนที่กระซิบกระซาบข่มขู่ชุนสุเกะ ซึ่งจริงๆแล้วเท็ปเปไม่ได้กำลังตั้งใจเรียนหรอก แต่เขากำลังแอบอ่านหนังสือการ์ตูนเล่มใหม่ที่เพิ่งซื้อมาอยู่และไม่อยากให้ชุนสุเกะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาถูกจับได้ต่างหากล่ะ
“ก็มันโมโหนี่นา...ที่ฉันมาโรงเรียนสายวันนี้ก็เพราะวิ่งตามยัยหางเปียนั่นไป ชิ...คงจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าฉันวิ่งตามไปเพื่อขอเบอร์ล่ะมั้ง ถึงได้หันมาแลบลิ้นเยาะเย้ยฉันแบบนั้นน่ะ เอ...อันนี้มันอะไรเนี่ย? ใบสมัครประกวดร้องเพลงนี่นา กำหนดส่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายซะด้วยสิ แบบนี้ยัยหางเปียนั่นก็อดเข้าประกวดน่ะสิ ชิ...สมน้ำหน้า”
สิ่งที่เท็ปเปพูดออกไปเมื่อกี๊นี้ไม่ได้เข้ารูหูของชุนสุเกะเลยสักนิด เขายังคงตั้งหน้าตั้งตารื้อข้าวของในกระเป๋านักเรียนใบนั้นออกมาวางเกลื่อนกลาด และทำหน้าสะใจเมื่อค้นเจอใบสมัครเข้าประกวดร้องเพลง ซึ่งมีตัวหนังสือขนาดใหญ่ระบุวันสุดท้ายของการส่งใบสมัครว่าเป็นวันเดียวกันกับวันนี้ซะด้วยสิ
“ฉันว่านายรีบเอากระเป๋าไปคืนให้เค้า หรือไม่ก็...ช่วยส่งใบสมัครให้เค้าหน่อยดีกว่านะ ดูสิกรอกรายละเอียดซะเรียบร้อยแล้วด้วย ถ้าไม่ได้ส่งมันก็น่าเสียดายโอกาสอยู่นะ”
เท็ปเปหยิบใบสมัครที่ชุนสุเกะวางทิ้งลงบนโต๊ะอย่างไม่ไยดีขึ้นมาดู ใบสมัครนั้นถูกกรอกรายละเอียดไว้เรียบร้อยแล้วด้วยลายมือบรรจงอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ชุนสุเกะไม่ได้มีท่าทางว่าจะแคร์มันสักนิด
“เมื่อเช้านี้ที่ฉันวิ่งตามยัยนั่นไปน่ะ ก็เพื่อเอากระเป๋าใบนี้ไปคืนมาแล้วรอบนึงนะเท็ปเป ยัยนั่นหลงตัวเองวิ่งหนีฉันแบบไม่คิดชีวิตเองต่างหาก ทำแบบนี้น่ะมันน่าช่วยเหลือตรงไหนกันล่ะหา... แล้วที่สำคัญอะนะ...วันนี้ฉันเอาของที่นายชอบมาด้วยนะเท็ปเป แต่ป่านนี้ยัยนั่นคงจะเอาไปทิ้งถังขยะด้วยความรังเกียจแล้วล่ะมั้งงงง”
ชุนสุเกะรู้อยู่แล้วว่า...คำว่า “ของที่นายชอบ” จะทำให้เท็ปเปตื่นเต้นตาโต เขาจึงทำหน้าตาเฉยเมย และน้ำเสียงกวนประสาทตอนที่พูดถึงมัน
“จริงๆนะเหรอชุนสุเกะ? นายเอาของที่ฉันชอบมาด้วยจริงๆน่ะเหรอ? งั้น...แบบนี้เราก็ยิ่งต้องรีบแอบปีนรั้ว แล้วบุกไปโรงเรียนของยัยนั่นกันอีกรอบเดี๋ยวนี้เลยดีกว่า นะนะ...ไปนะ...ไปกันนะชุนสุเกะ นะนะ...”
ปัง ปัง ปัง...
“Stop!!!”
อาจารย์มองลอดแว่นมายังเท็ปเปและชุนสุเกะตอนที่กำลังใช้แปรงลบกระดานเคาะกับโต๊ะแรงๆ เป็นการเตือนว่า...ถ้าหากเท็ปเปกับชุนสุเกะยังไม่ยอมหยุดพูด แปรงลบกระดานอันนั้นมันจะย้ายมาเคาะที่หัวของเขาแทน แล้วในที่สุดเท็ปเปก็ต้องหยุดอ้อนวอนชุนสุเกะ และนั่งเรียนวิชาคณิตศาสตร์อย่างสงบเสงี่ยม เพราะหนังสือการ์ตูนเล่มใหม่ที่เพิ่งอ่านไปได้แค่ไม่กี่หน้าของเขาถูกอาจารย์หน้าโหดริบไปแล้วน่ะสิ


หลังเลิกเรียน ที่โรงเรียนมัธยมอูเอดะ
เรียวกะกับเพื่อนยังนั่งจับกลุ่มเม้าท์ถึงสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋านักเรียนซึ่งเรียวกะหยิบผิดมาอย่างสนุกปาก เพราะในกระเป๋าไม่มีอะไรซักอย่างที่เกี่ยวกับการเรียน
“ดูดิ ท่าทางจะเป็นคนลามกมากๆด้วยนะ มีแมกกาซีนแฟชั่นชุดว่ายน้ำตั้งหลายเล่ม แล้วอันนี้...แมกกาซีนฟุตบอล ส่วนนี่ก็...การ์ตูนโคนัน ที่โรงเรียนอื่นเค้ามีสอนวิชาพวกนี้ด้วยเหรอเนี่ย? เฮงซวยชะมัด”
“แล้วเธอจะทำยังไงต่อล่ะเรียวกะ? เอาไปแลกคืนที่โรงเรียนเค้าเหรอ? อุ๊ย...ฉันทำให้หน่มหน้มของนางแบบสุดเซ็กซี่ต้องแปดเปื้อนซะแล้วล่ะ เจ้าของเค้าจะโกรธฉันมั้ยอะ?”
มิซาโนะเผลอยื่นหน้าเข้าไปใกล้หนังสือ ในขณะที่กำลังตักไอศกรีมช็อกโกแลตเข้าปาก ก็เลยทำให้ไอศกรีมที่ย้อยออกจากปากของเธอหยดแหมะลงที่ท่อนบนของชุดทูพีชลายดอกไม้สีสดใสที่นางแบบลูกครึ่งท่าทางเปรี้ยวจี๊ดกำลังยืนโพสท่าเฉิดฉายอยู่ในแมกกาซีนเข้าพอดี
“ช่างปะไร...ไม่ต้องใส่ใจทะนุถนอมของแบบนี้หรอก แล้วมันเรื่องอะไรที่ฉันจะต้องเอาไปคืนเองให้เมื่อยด้วยล่ะยัยมิซาโนะ ถึงฉันจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่แต่ฉันก็เลือกได้เหมือนกันนะยะ ฉันว่า...กระเป๋าใบนี้ต้องเป็นของไอ้หน้าหล่อที่วิ่งตามฉันมาเมื่อเช้านี้แน่ๆ เดี๋ยวเค้าก็มาเอาคืนเองแหละ เมื่อเช้ามายืนเกาะรั้วตาละห้อยแล้วนี่นา จริงปะ...”
“อืม...งั้นเองน่ะเหรอ? ว่าแต่ว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการส่งใบสมัครประกวดร้องเพลงแล้วนี่นา เธอส่งใบสมัครของเธอไปหรือยังอะเรียวกะ”
เรียวกะส่ายหน้าเนือยๆแทนคำตอบ มิซาโนะทำหน้าเบ้ ไอศกรีมช็อกโกแลตสุดโปรดไม่อร่อยซะแล้วสิ
“หูยยยย แล้วแบบนี้เมื่อไหร่เธอจะมีโอกาสได้เป็นนักร้องอย่างที่เธอใฝ่ฝันซะทีล่ะ ฉันเห็นเธอจดๆจ้องๆจะประกวดมาตั้งสองสามปีแล้วนะ จะกลัวอะไรนักหนาหา...ยัยเรียวกะ”
“ฉัน... ฉัน ฉันกลัวว่าจะทำไม่ได้น่ะสิ เธอดูคนที่ประกวดแต่ละปีสิ มีแต่คนร้องเพลงเก่งๆ แล้วก็สวยๆทั้งนั้นเลยด้วย ฉันน่ะไม่มีอะไรจะไปสู้ไปประกวดกับเค้าได้หรอก บางทีการที่วันนี้ฉันทำกระเป๋านักเรียนสลับกับอีตาลามกคนนั้น อาจจะเป็นลิขิตจากสวรรค์เพื่อบอกฉันเป็นนัยๆให้รู้ตัวว่าไม่ควรสมัครประกวดร้องเพลงก็ได้นะ,มิซาโนะ”
น้ำเสียงของเรียวกะฟังดูเศร้าสร้อยและน่าหดหู่ซะมัด ซึ่งมิซาโนะชาชินกับมันซะแล้วล่ะ เพราะเรียวกะชอบทำท่าทางแบบนี้ทุกทีเวลาที่ไม่กล้าลงมือทำอะไรที่อยากทำ
“เฮ้อ ตามใจเธอก็แล้วกัน จะเชื่อแบบนั้นก็ตามใจ งั้นนนน วันนี้พวกเรากลับบ้านกันดีกว่า เย็นมากแล้วด้วยนะ”
มิซาโนะช่วยเรียวกะรวบรวมข้าวของที่รื้อออกมายัดใส่คืนลงในกระเป๋าใบนั้นอย่างลวกๆ โดยไม่สนใจว่าจะทำให้หนังสือพวกนั้นยับยู่ยี่ซักแค่ไหน ก่อนจะเดินจับกลุ่มคุยกันออกมาจากโรงอาหารเพื่อกลับบ้าน
“นี่...ยัยหางเปีย เอากระเป๋าของฉันคืนมานะ บอกให้เอากระเป๋าของฉันคืนมาเดี๋ยวนี้ยังไงล่ะ ยัยหางเปีย มัวเดินงุ่มง่ามอยู่ได้...เอากระเป๋าของฉันคืนมานะ...”
ทันทีที่เห็นยัยหางเปียริบบิ้นสีชมพูเดินมาแต่ไกล ชุนสุเกะก็แหกปากตะโกนเรียกเสียงดังแบบสุดๆ โดยมีเท็ปเปช่วยตะโกนคำว่ายัยหางเปียซ้ำๆเพื่อเป็นการประจานให้ยัยหางเปียนั่นรู้ตัว และไม่สามารถที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อีก ...ในขณะเดี๋ยวกันเรียวกะก็อยากจะกระชากผมเปียของตัวเองให้หลุดออกจากหัวซะเดี๋ยวนี้ เพราะในโรงเรียนอูเอดะแห่งนี้ไม่มีคนอื่นอีกแล้วที่มัดผมเปียแบบเดียวกันกับเธอ
“ดูเหมือนสองคนนั้นจะกำลังเรียกเธออยู่นะเรียวกะ”
แต่ตอนนี้เรียวกะอยากที่จะฆ่ามิซาโนะมากกว่าที่ช่วยสองคนนั่นตอกย้ำว่าเธอคือยัยหางเปียที่สองคนนั้นกำลังต้องการตัว
“ฉันรู้แล้วล่ะน่า...ก็ไอ้หน้าหล่อคนซ้ายมือนั่นแหละที่วิ่งตามฉันมาเมื่อเช้านี้น่ะ”
จริงๆแล้วชุนสุเกะกับเท็ปเปหน้าตาและหุ่นดีสูสีกันมาก แต่ว่าชุนสุเกะน่ะผมยาวกว่าเท็ปเปแล้วก็ทำสีผมเป็นสีทองด้วย เรียวกะก็เลยจำได้ทันทีที่เห็น แม้จะอยู่ในระยะที่ยังค่อนข้างไกลกันมากก็ตาม เรียวกะรีบเก๊กหน้าซีเรียสแล้วเดินตรงไปที่ประตูรั้วโรงเรียนที่สองคนนั่นยืนเกาะอยู่
“มัวทำอะไรอยู่หา...ยัยหางเปีย? โรงเรียนเธอเลิกตั้งนานแล้วนี่นา...แล้วทำไมถึงเพิ่งจะเดินออกมา รู้รึเปล่าว่าฉันสองคนยืนรอเธอจนจะกลายเป็นลิงในสวนสัตว์อยู่แล้วนะ คุณลุงยามก็ใจร้ายชะมัด ขอเข้าไปนั่งรอข้างในนิดเดียวก็ไม่ได้”
ยังไม่ทันที่เรียวกะจะเดินไปถึง ชุนสุเกะก็ชิงตะโกนต่อว่าปนบ่นใส่เธออีกชุดใหญ่ ไม่ได้มีท่าทางหวาดกลัวสีหน้าซีเรียสของเรียวกะเลยซักนิด เรียวกะก้มหน้าคุยกับเขาเพราะต้องการที่จะปกปิดว่า...เธอกำลังกัดฟันพูดกับเขาด้วยความคับแค้นใจมากแค่ไหน
“ฉันไม่ได้ชื่อยัยหางเปียอย่างที่นายพยายามยัดเยียดให้ซักหน่อย อะนี่..กระเป๋าของนาย แล้วไหนล่ะกระเป๋านักเรียนของฉันน่ะ? แล้วฉันก็หวังว่านายคงจะไม่เสียมารยาทรื้อเอาของของฉันออกมาดูหรอกนะ”
เรียวกะส่งกระเป๋านักเรียนคืนให้เขา แล้วรีบเปิดกระเป๋านักเรียนของตัวเองออกมาสำรวจดูความเรียบร้อย ของทุกอย่างของเธอยังอยู่ในสภาพดีตามปรกติ แต่...
“เดี๋ยวก่อน...ยัยหางเปีย เธอทำอะไรกับหนังสือการ์ตูนของฉัน”
ชุนสุเกะโวยวายเสียงดังมากกว่าเดิม และดึงแขนของเรียวกะเอาไว้อย่างแรงด้วยความโกรธ ทำให้เรียวกะเซไปซบอยู่กับอกของเขา เรียวกะเงยหน้าขึ้นจ้องหน้ากับเขาเพื่อที่จะเอาเรื่องเช่นกัน ทำให้ใบหน้าของเรียวกะกับชุนสุเกะอยู่ห่างกันแค่เพียงฝ่ามือเดียวเท่านั้น และพอได้เห็นหน้ากันชัดๆสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น...
“เฮ้ยยยย เธอ...ยัยเห่ย...ห้องหนึ่ง”
“อี๋...นาย...นายเน่าห้องบ๊วย”
ต่างคนต่างตะโกนชื่อที่เรียกขานซึ่งกันและกันเมื่อสมัยที่เรียนชั้นประถมออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ พลังเสียงของทั้งคู่ทำให้ต่อมน้ำตาของเท็ปเปที่กำลังไหลพรากเพราะเสียอกเสียใจอยู่กับแมกกาซีนแฟชั่นชุดว่ายน้ำทูพีชซึ่งเป็นของที่เขาชอบ แต่ตอนนี้มันอยู่ในสภาพยับยู่ยี่ซะยิ่งกว่าขยะในถังรีไซเคิ้ลซะอีก พลอยหยุดชะงักการทำงานไปด้วย
“ชิ...ถ้าหากฉันรู้ว่าเป็นกระเป๋าของนายนะ ฉันจะเอามันทิ้งใส่ถังขยะซะ ไม่หิ้วติดมือให้เมื่อยหรอก”
เรียวกะเป็นฝ่ายรวบรวมสติได้ก่อน เธอรีบดันตัวเองออกจากอ้อมแขนของชุนสุเกะ และทำท่าปัดเสื้อผ้าราวกับว่าร่างกายของชุนสุเกะเป็นสิ่งสกปรก ก่อนจะหันไปดึงมือมิซาโนะซึ่งกำลังยืนหน้ามึนอยู่ให้รีบเดินกลับบ้านด้วยกัน โดยไม่แยแสต่อเสียงตะโกนโหวกเหวกที่ดังตามหลังมา
“ยัยเห่ยเอ๊ย... ถ้าหากฉันรู้ว่าเป็นกระเป๋านักเรียนของเธออะนะ ฉันก็จะไม่ยอมเสียเวลาทำเรื่องงี่เง่าแบบนี้เหมือนกันนั่นแหละ ยัยเห่ยเอ๊ย...”


ที่ห้องสมุด โรงเรียนมัธยมหญิงล้วนอูเอดะ
เรียวกะกับมิซาโนะใช้เวลาช่วงพักกลางวันที่เหลือเข้ามานอนเล่นในห้องสมุด เรียวกะทำเป็นหยิบหนังสือประวัติศาสตร์ยากๆมาวางระเกะระกะเพื่อบังหน้า เพราะต้องการที่จะยึดเอามุมเอกเขนกที่มีฟูกนุ่มๆและหมอนใบใหญ่ๆหลายใบเอาไว้นอนกลิ้งเล่นเป็นการส่วนตัว
“เรียวกะ เธอรู้จักกับผู้ชายหล่อๆคนนั้นด้วยเหรอ? แล้วทำไมเธอต้องทำท่ารังเกียจเค้าด้วยล่ะ?”
มิซาโนะพยายามชวนเรียวกะพูดคุยถึงเรื่องนี้มาตั้งแต่เช้าแล้ว เมื่อเรียวกะเห็นว่า...ถ้าหากเธอยังไม่ยอมเล่าอะไรซักอย่างที่เกี่ยวกับชุนสุเกะให้มิซาโนะฟัง มิซาโนะก็จะต้องตามรบเร้าเธออยู่แบบนี้ไม่ยอมเลิกซะที เรียวกะก็เลยเล่าถึงความน่ารังเกียจของชุนสุเกะที่เธอได้พบเจอมาให้มิซาโนะฟัง เพื่อที่ยัยนี่จะได้เลิกทำท่าปลาบปลื้มความหน้าตาดีของเขาซะที
“สัญญาก่อนนะว่าถ้าหากฉันเล่าให้ฟังแล้วเราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กันอีก ฉันกับเค้าเคยเรียนโรงเรียนประถมมาด้วยกัน แต่ว่าอยู่คนละห้อง ตอนแรกๆอะนะ...ฉันก็ไม่ได้สนใจที่จะรู้จักกับเค้าหรอก แต่ว่ามีอยู่หนนึงที่เค้าช่วยฉันจากกลุ่มเด็กผู้ชายที่เข้ามารีดไถเงินฉัน ตอนนั้นนะตัวเค้าเล็กนิดเดียวเอง แล้วเด็กเกเรพวกนั้นก็มีคนเยอะกว่าด้วย ชุนสุเกะก็เลยโดนรุมซะน่วมเลยล่ะ ฉันก็เลยปลื้มเค้ามาก...”
“ว้าว...โรแมนติกจังเลย” มิซาโนะนึกภาพตามแบบดราม่าสุดๆจนดูเหมือนชุนสุเกะกำลังบุกเดี่ยวอยู่ในสนามรบตอนที่เข้าไปช่วยเรียวกะ มิซาโนะก็เลยอินมาก...จนมีประกายวิ้งๆออกจากดวงตาของเธอเต็มไปหมด
“อย่าเพิ่งขัดได้มั้ย? เรื่องมันไม่ได้สวยหรูอย่างที่เธอกำลังวาดฝันหรอกนะ”
เรียวกะทำลายฝันกลางวันของมิซาโนะซะพังป่นปี้ ก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องต่อ
“หลังจากนั้นฉันกับเค้าก็เลยเป็นเพื่อนเล่นกัน แต่ว่าเค้าน่ะ...ชอบเรียกฉันว่ายัยเห่ย ฉัน...ก็เลยเรียกเค้าว่านายเน่ากลับไปบ้าง ฉันกับเค้าสนิทกันมากจนเด็กคนอื่นๆล้อว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน เค้าน่ะทำเป็นเฉยๆก็เลยไม่รู้ว่าเค้ารู้สึกดีใจเหมือนกับฉันบ้างรึเปล่า แล้ว...พอวันสุดท้ายของพิธีจบการศึกษาฉันก็เลยตัดสินใจขอแลกป้ายชื่อกับเค้า แต่ว่า...ฉันบอกเค้าช้าไป เค้าก็เลยให้ป้ายชื่อกับคนอื่นไปแล้ว ตอนนั้นฉันไม่รู้จะทำยังไงต่อก็เลยวิ่งหนีมาซะดื้อๆ แล้วตั้งแต่วันนั้นเราสองคนก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย น่าแปลกนะ...ทั้งๆที่เมืองโตเกียวก็เล็กนิดเดียวเอง แค่อยู่คนละโรงเรียนเท่านั้นก็หากันไม่เจอซะแล้ว”
ไม่ใช่แค่เพียงน้ำเสียงตอนท้ายๆของเรียวกะจะฟังดูเศร้าเท่านั้น แต่ว่า...ความรู้สึกของเรียวกะก็เศร้าตามไปด้วย แล้วมันก็ได้แสดงออกมาทางสีหน้าและแววตาโดยที่เรียวกะไม่รู้สึกตัว
“แต่ตอนนี้ เธอกับเค้าก็หากันเจอแล้วนี่นา กลับไปเป็นเพื่อนกันก็ได้นี่ แค่สองปีที่ไม่ได้เจอกันน่ะ ไม่น่าจะทำให้อะไรมันเปลี่ยนแปลงไปมากนักหรอกนะ”
มิซาโนะพยายามให้กำลังใจเพื่อน เธออยากให้เรียวกะกลับไปคบกับชุนสุเกะอีกครั้ง เผื่อว่า...เธอจะมีโอกาสได้คบกับเพื่อนสนิทของชุนสุเกะที่ชื่อเท็ปเปบ้าง
“ทุกอย่างมันได้เปลี่ยนไปจนหมดแล้วล่ะมิซาโนะ เมื่อก่อนนี้เค้าตัวเล็กนิดเดียวเองนะ ตัวเท่าๆกับฉันเลย แต่ดูตอนนี้สิ...ชุนสุเกะเค้าตัวโตกว่าฉันตั้งเยอะ กระชากฉันนิดเดียวตัวฉันก็ปลิวแล้ว อีกอย่างนึงนะ...ตอนนี้เค้าก็เรียนอยู่โรงเรียนนานาชาติแบลเบอร์รี่ที่แสนจะไฮโซด้วย คงมีสาวๆสวยๆแล้วก็รวยมากๆเป็นเพื่อนกับเค้าเยอะแยะแล้วล่ะ เฮ้อ... ฉันว่า...เราเลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้วล่ะ ขึ้นไปเรียนกันดีกว่า”
เรียวกะเปลี่ยนเรื่องปุบปับแล้วลุกขึ้นเดินเอาหนังสือไปเก็บคืนเข้าที่ ก่อนจะเดินออกไปโดยลืมที่จะดูว่ามิซาโนะเดินตามมาด้วยหรือเปล่า...


“หวัดดียัยหางเปีย หวัดดีมิซาโนะ”
เรียวกะหันไปมองมิซาโนะที่แกล้งทำเป็นยืนหน้ามึนอยู่ข้างๆเมื่อเจอชุนสุเกะกับเท็ปเปมายืนเกาะรั้วโรงเรียนรอหลังเลิกเรียน
“เธอไปสนิทสนมกับสองคนนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่หา...ยัยมิซาโนะ”
มิซาโนะทำหน้าซื่อบื้อบอกว่าไม่รู้เรื่อง และไม่ได้สนิทกับเท็ปเปและชุนสุเกะ ทั้งๆที่เท็ปเปแอบขอแลกเบอร์โทรศัพท์กับมิซาโนะตั้งแต่เมื่อวันก่อน และภาพที่เท็ปเปโบกมือทักทายมิซาโนะอย่างสนิทสนมก็ฟ้องเรียวกะอยู่ชัดๆว่าสองคนนี้ได้ทำความรู้จักกันเป็นอย่างดีแล้ว
“เธอรู้อะไรมั้ยมิซาโนะ? เธอเป็นคนที่โกหกไม่เก่งเอาซะเลย เฮ้อ...เธออยากจะไปเที่ยวต่อกับสองคนนี่ก็ตามใจนะ แต่ฉันจะรีบกลับไปทำการบ้าน”
เรียวกะไม่อยากที่จะตกเป็นข่าวให้เพื่อนร่วมโรงเรียนอูเอดะที่มีแต่ผู้หญิงได้เม้าท์กันมากไปกว่านี้ เธอจึงรีบเดินแยกตัวออกจากกลุ่มมา แต่ว่าชุนสุเกะก็วิ่งตามมายืนดักหน้าเอาไว้ พร้อมกับยื่นตุ๊กตาหมีถือรูปหัวใจตัวเล็กๆให้กับเธอ
“รีบรับเอาไว้สิ ฉันอายคนอื่นเป็นเหมือนกันนะ”
แก้มทั้งสองของชุนสุเกะเป็นสีแดงด้วยความเขิน ก็เขาไม่ค่อยชินกับการตกเป็นเป้าสายตาของสาวๆแบบนี้ซักเท่าไหร่นี่นา
“แล้วฉันบอกนายตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าอยากได้น่ะ?”
เรียวกะทำหน้าเชิดซะจนน่าหมั่นไส้ แต่นานๆทีจะมีผู้ชายหน้าหล่อมาดเท่เอาของขวัญมาให้ซะที มันก็อดไม่ได้ที่จะเล่นตัว และทำท่าเริ่ดๆเชิดๆซะหน่อย
“ก็...เมื่อก่อนนี้ยังไงล่ะ เวลาที่แวะไปเกมเซ็นเตอร์ทีไรเธอชอบรบเร้าให้ฉันหนีบตุ๊กตาแบบนี้จากเครื่องยูโฟแคชเชอร์มาให้เธอทุกทีเลย เพราะว่าตุ๊กตาแบบนี้น่ะสามารถที่จะอัดเสียงได้ เธอน่ะชอบร้องเพลงแล้วอัดเก็บเอาไว้ฟังคนเดียว ไม่ค่อยยอมแบ่งให้คนอื่นได้ฟังมั่งเลย ฉันยังจำได้นะ แล้วฉันก็ขออวยพรให้เธอชนะด้วย”
“นายเน่า นายพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
เรียวกะมีท่าทางตกใจอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่ได้เพียงแค่แปลกใจที่ชุนสุเกะยังจดจำเรื่องราวต่างๆของเธอได้ดี แต่ว่าเธอยังคิดระแวงไกลไปถึงเรื่องใบสมัครประกวดร้องเพลงของเธอที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วย
“พอดีวันนั้นฉันค้นเจอใบสมัครประกวดร้องเพลงอยู่ในกระเป๋านักเรียนด้วย แล้วก็เห็นว่ามันเป็นวันสุดท้ายของการส่งใบสมัครแล้ว ฉันก็เลยช่วยเอาไปส่งให้น่ะ แต่ว่าตอนนั้นฉันไม่ได้ดูชื่อที่กรอกไว้หรอกนะว่าเป็นของใคร แล้วฉันก็ดีใจมากๆที่มันเป็นของเธอ ฉันเอาใจช่วยเธอแบบสุดๆเลยนะ”
ความทรงจำดีๆตอนนั้น และความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้ต่อกันก็ยังฝังแน่นอยู่ในความรู้สึกนึกคิดของเรียวกะ แต่ว่า..ความไม่กล้าหาญก็ได้ทำให้เธอไม่สามารถที่จะยิ้มรับเอาความหวังดีของเขาได้จริงๆ
“นายไม่มีสิทธิ์ที่จะมายัดเยียดนู่นนี่ให้ฉันตามอำเภอใจแบบนี้นะ จำเอาไว้ด้วย”
เรียวกะตบหน้าของชุนสุเกะเต็มแรง และดวงตาคู่สวยของตัวเธอเองก็มีน้ำตาคลออยู่ ทั้งๆที่รู้ว่ามีคนที่คอยเชียร์ให้เธอได้ก้าวเดินตามความฝันอยู่เยอะแยะไปหมด แต่เธอก็ยังรู้สึกอ่อนแอเกินไปที่จะออกเดินตามแรงยุ และที่สำคัญที่สุดก็คือ กลัวว่าเธอจะทำให้คนพวกนี้ต้องผิดหวัง
“เรียวกะ จนป่านนี้เธอก็ยังไม่เลิกที่จะขี้ขลาดอย่างไร้เหตุผลอีกงั้นเหรอ? ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย”
เสียงของชุนสุเกะตะโกนตามหลังมาติดๆ ไม่มีทีท่าว่าเขาจะรู้สึกโกรธเรียวกะสักนิด
“ฉันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉัน นายไม่ต้องมายุ่ง จำเอาไว้นะนายเน่า”
เรียวกะตะโกนตอบกลับเขาไปเสียงดังทั้งๆที่น้ำตาก็ยังไหลไม่หยุด เพราะตั้งใจที่จะประจานชื่อ”นายเน่า”ของเขา แล้วรีบเดินเร็วๆหนีไป ทำให้สาวๆโรงเรียนอูเอดะที่กำลังเดินผ่านมาต้องพากันเดินก้มหน้า เพื่อไม่ให้ชุนสุเกะเห็นว่าพวกเธอกำลังหัวเราะขำอย่างเปิดเผยจนน่าเกลียดเกินไปนัก
“ฉันไม่ยอมเลิกวุ่นวายกับเธอแน่ๆ จนกว่าเธอจะเลิกขี้ขลาด จำเอาไว้นะยัยเห่ย...”
แต่ไม่ว่าชุนสุเกะจะตะโกนซ้ำซักกี่ครั้งเรียวกะก็ไม่สนใจซักนิด เธอหิ้วกระเป๋านักเรียนทำหน้าเชิดและเดินส่ายก้นจากไปอย่างไม่สนใจไยดี ปล่อยให้ชุนสุเกะซึ่งอยู่ในชุดนักเรียนนานาชาติสุดเท่ต้องยืนหิ้วตุ๊กตาหมี ทำหน้าเซ็งอยู่ตรงนั้นเอง


หลังเลิกเรียน ที่โรงเรียนนานาชาติแบลเบอร์รี่
ชุนสุเกะกับเท็ปเปนั่งเล่นอยู่ที่หน้าตึกวิทยาศาสตร์ ชุนสุเกะกำลังนั่งคิดถึงความสำคัญของการแลกป้ายชื่อในวันจบการศึกษา เขาไม่เคยรู้เลยว่ามันมีความสำคัญมากสำหรับเด็กผู้หญิงที่แอบชอบเด็กผู้ชาย เขาจึงให้ป้ายชื่อของตัวเองไปกับเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่เรียนอยู่ห้องเดียวกันโดยไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ตอนที่เขาไปขอป้ายชื่อคืนจากเด็กคนนั้น เพื่อที่จะเอามาแลกกับเรียวกะ ความเจ็บปวดที่เด็กผู้หญิงคนนั้นได้แสดงออกมาก็ทำให้เขาได้รู้ว่ามันมีความสำคัญมาก และเขาก็ได้ทำให้เด็กผู้หญิงสองคนต้องเสียใจมากๆในวันจบการศึกษาชั้นประถม
“วันนี้นายจะไม่ไปที่โรงเรียนอูเอดะด้วยกันจริงๆน่ะเหรอ?”
เท็ปเปยังไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจที่จะชวนชุนสุเกะ ซึ่งชุนสุเกะรู้ว่าจริงๆแล้วเท็ปเปอยากมีเพื่อนไปเล่นปาจิงโกะที่เกมเซ็นเตอร์ด้วยกันมากกว่า เพราะว่ายัยมิซาโนะซึ่งกำลังเริ่มลองคบกับเท็ปเปไม่ชอบเล่นปาจิงโกะน่ะสิ
“ตอนนายจบชั้นประถมมีเด็กผู้หญิงมาขอแลกป้ายชื่อกับนายรึเปล่าเท็ปเป?”
ชุนสุเกะตอบคำถามของเท็ปเปด้วยประโยคคำถามของเขาเอง เท็ปเปทำหน้าเซ็งแล้วเก็บแมกกาซีนชุดว่ายน้ำใส่กระเป๋า คำถามงี่เง่าของชุนสุเกะทำให้เขาหมดอารมณ์ที่จะดูของชอบซะแล้ว
“หล่อๆอย่างฉันจะเหลือเหรอ...แต่ว่าเด็กผู้หญิงที่มาขอแลกป้ายชื่อกับฉันน่ะ ทำให้ฉันแปลกใจมากเลย เราเรียนอยู่ห้องเดียวกันแต่ว่าแทบจะไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ เค้าเป็นเด็กผู้หญิงที่เรียบร้อยมาก...แล้วก็เก็บตัวด้วย ไม่ค่อยมีเพื่อนหรอก ตอนนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้แลกป้ายชื่อกับเด็กผู้หญิงคนนี้ ทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกชอบเค้าซักนิด แต่ว่า...หลังจากวันจบการศึกษาไม่นานนักฉันก็ได้ข่าวจากครูประจำชั้นว่า เด็กผู้หญิงคนนี้ย้ายบ้านไปอยู่ที่ฟูกุโอกะแล้ว น่าเศร้าชะมัดเลย...ถ้าหากฉันรู้ล่วงหน้าว่าจะไม่ได้เจอกันอีกฉันจะพูดประโยคดีๆ แล้วก็ขอแลกเบอร์โทรศัพท์หรือว่าที่อยู่เอาไว้ด้วย”
“นั่นน่ะสินะ...ถ้าหากฉันรู้ว่าคงจะไม่ได้เจอกันอีกฉันเองก็จะขอแลกเบอร์โทรศัพท์กับเธอเอาไว้เหมือนกันแหละ ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันกันเค้าจะได้เจอกันอีกครั้งนึง แต่ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างมันจะสายเกินไปซะแล้วล่ะ เค้าคงไม่อยากที่จะเป็นเพื่อนเล่นกับฉันแล้ว”
ชุนสุเกะหน้าเศร้า เมื่อนึกถึงตอนที่ถูกเรียวกะขับไสไล่ส่งเมื่อวันก่อน
“ฉันว่า...เรียวกะน่ะไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับนายมาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ ถ้าหากนายอยากจะกลับไปเป็นเพื่อนเล่นกับเค้าอย่างเดิมล่ะก็ ฉันว่าอย่าเลยนะชุนสุเกะ เพราะว่านายจะทำให้เค้าเสียใจอีกรอบนึง”
เท็ปเปเก๊กหน้าหล่อแบบสุดๆในขณะที่พูด ก่อนจะขอตัวไปหามิซาโนะที่โรงเรียนอูเอดะ พอได้นั่งอยู่คนเดียวชุนสุเกะก็ได้มีเวลาทบทวนและตั้งคำถามกับความรู้สึกของตัวเองว่า ...อยากที่จะเป็นเพื่อนกับเรียวกะรึเปล่า? แต่ว่า...สิ่งที่เขาแน่ใจที่สุดในตอนนี้ก็คือ เขาอยากทำให้เรียวกะเลิกวิตกกังวลกับผลที่จะเกิดขึ้นก่อนลงมือทำน่ะสิ เรียวกะไม่เคยมีความเชื่อมั่นในความสามารถที่ตัวเองมีเลยสักครั้งเดียว


ที่หน้าโรงเรียนมัธยมหญิงล้วนอูเอดะ
“เรียวกะ...เรียวกะ มาทางนี้สิ มานี่เร็วๆเข้า”
เรียวกะซึ่งกำลังทำท่าทางลับๆล่อๆอยู่บริเวณใกล้ๆกับประตูโรงเรียนเพื่อหาทางที่จะเข้าไปในโรงเรียนโดยไม่ถูกอาจารย์ทำโทษฐานที่มาสาย หันไปตามเสียงเรียก แล้วเธอก็เห็นชุนสุเกะยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของรั้วโรงเรียน เรียวกะเดินไปหาเขาอย่างไม่มีทางเลือก เพราะขืนเธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นายเน่านี่ก็คงจะแหกปากตะโกนเรียกเสียงดัง จนเธอถูกอาจารย์จับได้แล้วมีความผิดเพิ่มขึ้นอีกหลายกรณี
“เธอยังอยากแลกป้ายชื่อกับฉันอยู่อีกรึเปล่า?”
ธุระสำคัญของชุนสุเกะทำให้เรียวกะอยากจะเอาหัวเขกพื้นซักร้อยที
“มาหาฉันแต่เช้าเพราะเรื่องนี้อะนะ สติดีรึเปล่า? ฉันว่า...เอาไว้ตอนเย็นๆนายค่อยแวะมาใหม่ก็แล้วกันนะ”
เรียวกะทำท่าเย็นชาและห่างเหินกับชุนสุเกะแบบสุดๆ เพื่อที่เขาจะได้ไม่กล้าตอแยกับเธออีก แต่ว่าต่อมรับความรู้สึกของชุนสุเกะก็ยังคงตายด้าน
“ไม่ได้หรอก ถ้าหากเธอไม่ยอมตอบคำถามของฉันเดี๋ยวนี้ ฉันคงไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำอะไร เมื่อคืนนี้ฉันก็คิดถึงเรื่องนี้อยู่ทั้งคืนจนนอนไม่หลับเชียวนะ”
“แต่ตอนนี้ฉันคงแลกป้ายชื่อกับนายไม่ได้แล้วล่ะ เพราะว่าป้ายชื่อของฉันมันหายไปตั้งนานแล้ว ขอโทษด้วยนะชุนสุเกะ”
เรียวกะหันหลังทำท่าจะเดินกลับไปทางเก่า เพราะอยากจะเข้าไปข้างในโรงเรียนจะแย่อยู่แล้ว
“เรียวกะ ถ้าหากตอนนี้เธอจะรังเกียวฉันน่ะ ฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่ว่าฉันขอร้องอะไรเธอสักอย่างนึงจะได้มั้ย? อย่างเดียวนั้นจริงๆ รับปากกับฉันได้รึเปล่า?”
เรียวกะยืนนิ่งเม้มริมฝีปากแน่นจนรู้สึกเจ็บ ตั้งอกตั้งใจฟังในสิ่งที่เขากำลังจะพูด
“เธอจะต้องประกวดร้องเพลงครั้งนี้นะ ห้ามถอนตัวอย่างเด็ดขาด แค่นี้เอง ทำได้รึเปล่าเรียวกะ?”
“.....”
นาน หลายอึดใจกว่าจะมีถ้อยคำหลุดออกจากปากของเรียวกะ
“ทำไมฉันจะต้องทำแบบนั้นด้วย ในเมื่อทำไปก็มีแต่ความผิดหวัง กับแค่เรื่องง่ายๆอย่างการขอแลกป้ายชื่อกับนายฉันยังแพ้คนอื่นเลยนี่นา แล้วฉันจะเอาปัญญาอะไรไปแข่งขันกับคนอื่นๆเค้ากันล่ะ ฉันไม่อยากเสียใจ ฉันไม่ต้องการผิดหวังอีกแล้วนายเข้าใจมั้ย”
“เปล่าเลยนะเรียวกะ เธอไม่ได้แพ้ใครหรอกนะ เชื่อฉันสิ เธอแค่ลงมือช้ากว่าคนอื่นก็เท่านั้นเอง ถ้าหากว่าตอนนั้นเธอไม่รอจนถึงเวลวที่จะต้องกลับบ้าน ป้ายชื่อของฉันก็เป็นของเธอไปแล้วล่ะ แต่เรื่องนั้นน่ะมันไม่ได้สำคัญหรอกนะ มันสำคัญตรงที่ฉันดีใจที่เดินได้ลงมือเดินเข้ามาขอแลกป้ายชื่อกับฉันต่างหากล่ะ เพราะมันได้ทำให้ฉันรู้ว่าความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธอน่ะ ได้รับการตอบรับกะเค้าเหมือนกัน ฉันไม่ได้คิดไปเองว่าเธอเองก็ให้ความสำคัญกับฉันเหมือนกัน”
“ฉันไม่เข้าใจหรอกนะว่านายกำลังพยายามที่จะบอกอะไรกับฉัน แล้วเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วด้วย ช่างมันเถอะชุนสุเกะ ฉันจะรีบไปเรียนล่ะ”
เรียวกะแกล้งทำเป็นซื่อบื้อทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าชุนสุเกะอยากที่จะกลับมาเป็นเพื่อนสนิทกับเธออีกครั้ง
“เดี๋ยวสิเรียวกะ สิ่งที่ฉันพยายามจะบอกกับเธอก็คือ เธอจะตัดสินใจเอาเองว่าเธอทำไม่ได้ สู้คนอื่นไม่ได้ได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อเธอยังไม่ยอมที่จะลงสนามแข่งขัน ลงมือทำอยู่แบบนี้น่ะ ก็เหมือนกันกับตอนที่เธอขึ้นรถไฟนั่นแหละ ถ้าเธอไม่ยอมเลือกขึ้นรถไฟสักขบวนเธอก็จะไม่ได้ไปถึงไหน แต่ถ้าหากเธอได้ตัดสินใจขึ้นรถไฟขบวนที่แล่นผ่านมา อย่างน้อยๆรถไฟขบวนนั้นก็จะพาให้เธอไปไหนต่อไหน และอาจจะได้พบกับสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อน อย่างเช่นการได้กลับมาเจอกันของเราสองคนยังไงล่ะ”
ทันที่ที่แน่ใจว่าชุนสุเกะได้พูดจบแล้ว เรียวกะก็สูดหายใจแรงๆเข้าเต็มปอด ขณะที่บอกกับตัวเองว่าเธอจะลองลงมือทำในสิ่งที่อยากทำดูสักครั้ง จะไปถอนตัวออกจากการประกวดร้องเพลงที่ชุนสุเกะช่วยส่งใบสมัครให้
“แค่นี้ใช่รึเปล่าธุระของนายน่ะ”
“ไม่ต้องทำท่ารังเกียจฉันมากขนาดนั้นหรอกนะยัยเห่ย ฉันไม่ใช่นายเน่าที่เธอจะเล่นหัวเล่นตัวได้ตามอำเภอใจแล้วนะ แล้วฉันก็ไม่ได้อยากแลกป้ายชื่อของฉันกับเธอด้วย”
เรียวกะชะงักฝีเท้าแต่ยังไม่ยอมหันไปมองชุนสุเกะ เธอไม่เข้าใจท่าทีเขาเลยสักนิด ...ทำไมจู่ๆถึงได้พูดจาใจร้ายออกมาแบบนี้นะ
“ฉันเองก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับเธอนักหรอกนะยัยเห่ย จำเอาไว้ซะด้วย”
ประโยคนี้เองที่ทำให้ในที่สุดน้ำตาของเรียวกะก็ไหลออกมา เธอก้มหน้างุดและแอบรีบเอามือป้ายเช็ดน้ำตา แล้วบอกกับชุนสุเกะว่าเป็นสิ่งที่เธอรู้ดีมาโดยตลอดอยู่แล้ว ก่อนจะเริ่มต้นเดินเร็วๆอีกครั้ง แต่ก็เดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ก็ถูกชุนสุเกะวิ่งตามมาดึงข้อมือเอาไว้
“แต่ฉันอยากอยู่ใกล้ๆเธอ จะคอยปกป้องเธอจากคนเกเร แล้วก็อยากจะเดินจูงมือกับเธอด้วย เป็นกำลังใจคนสำคัญให้กับเธอ คือ...ฉัน คือ...ฉัน ฉันคิดว่า...ฉันคงจะชอบเธอมาตลอด แต่ว่าตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าจะเรียกความรู้สึกแบบนี้ว่าอะไร”
เรียวกะไม่รู้ตัวว่าเธอกำลังร้องไห้ตอนที่ยืนนิ่งๆอยู่ในอ้อมแขนของชุนสุเกะ จนกระทั่งชุนสุเกะเช็ดน้ำตาให้เธอ เรียวกะจึงรู้ตัวและยิ้มออกมาได้ทั้งๆที่สองแก้มยังชื้นไปด้วยน้ำตา
“นายไม่ได้พูดเล่นแน่นะนายเน่า นายอย่าแกล้งให้ฉันสับสนเล่นนะ จำเอาไว้ซะด้วย เพราะถ้าหากนายแกล้งฉันล่ะก็ ฉันจะบอกให้เท็ปเปเอาชื่อนายเน่าไปประจานให้ทั่วโรงเรียนของนายเลย”
“ใครจะกล้ารังแกคนที่ตัวเองชอบได้ล่ะ จริงปะ? แต่ว่า...วันนี้น่ะมันสายมากแล้วนะ”
“ก็เพราะนายนั่นแหละที่ทำให้ฉันเสียเวลา ป่านนี้อาจารย์คงจะเตรียมน้ำเอาไว้ให้ฉันล้างโรงยิมแล้วล่ะ น่าเศร้าชะมัดเลย...”
“งั้น... วันนี้เราโดดเรียนไปเกมเซ็นเตอร์กันดีกว่า ฉันจะได้พาเธอไปซ้อมร้องเพลงในตู้คาราโอกะยังไงล่ะ ชอบใช่มั้ยล่ะ? ฉันน่ะรู้ใจเธอที่สุดเลยนะ”
“แต่ฉันว่านายอยากเล่นปาจิงโกะมากกว่าล่ะมั้ง...แต่ ก็โอเคนะ”
ชุนสุเกะดึงกระเป๋านักเรียนของเรียวกะไปถือ ก่อนจะแกล้งดึงผมเปียของเธอให้หลุดลุ่ย แล้ววิ่งหนีนำหน้าไปอย่างรวดเร็ว เรียวกะรีบวิ่งตามอย่างกระชั้นชิด แล้วตลอดทางก็มีแต่เสียงหัวเราะคิกคักของทั้งคู่ดังประสานกันเป็นระยะ ราวกับว่าทั้งโตเกียวมีกันอยู่แค่สองคนที่กำลังวิ่งเล่นด้วยกันอีกครั้งอย่างมีความสุข


--------------------------------
" All Copyright©Nanthanatcha "