วันศุกร์, มิถุนายน 29, 2550

ความเป็นไปของดอกไม้กลางเปลวแดด

ทุ่มกว่า เป็นช่วงเวลาที่การจราจรบนถนนสุขสวัสดิ์มีความคล่องตัวน้อยที่สุด และแม้ว่าจุดหมดระยะของการให้บริการของรถเมล์สาย 75 จะอยู่ในอีกไม่ถึงหลักสิบกิโลเมตรข้างหน้า แต่จำนวนผู้โดยสารก็ยังคงอยู่ในอัตราที่เกินจากจำนวนที่นั่งที่เตรียมไว้รองรับ โชคดีที่ฉันเป็นหนึ่งในจำนวนผู้โดยสารที่ได้นั่ง ความสะดวกสบายที่ได้รับมากกว่าคนอื่นอยู่นิดหน่อย ทำให้หลายสิบนาทีที่หมดเปลืองไปอย่างเปล่าประโยชน์บนท้องถนนไม่เลวร้ายนัก
ดูเหมือนความเร่งรีบในการเดินทางของแต่ละคน อันมีปลายทางอยู่ที่ที่พักซึ่งกระจุกซุกตัวอยู่ก้นขอบของกรุงเทพฯ จะทำให้สัญญาณไฟจราจรตรงทางแยกที่จะเลี้ยวเข้าสู่ถนนประชาอุทิศนิ่งอยู่ที่สีแดงนานกว่าช่วงเวลาอื่นๆในรอบวัน แม้ว่าหากต้องไปถึงที่หมายช้าจะไม่มีตัวเลขสีแดงตราหน้าบนบัตรลงเวลาว่าสายก็ตาม แต่ด้วยความเหน็ดเหนื่อยกับการออกไปทำงานหาเลี้ยงปากท้องนอกบ้าน ก็ทำให้รู้สึกอยากที่จะไปซะให้พ้นๆจากท้องถนนอันวุ่นวายและน่าอึดอัด
แต่ในเวลาแบบนี้ ยังมีอยู่หนึ่งคนที่ไม่มีทีท่ารีบร้อน
เด็กผู้ชายวัยประมาณสิบขวบในชุดอยู่บ้านมอมแมมกำลังยืนหัวเราะยิ้มหัวอยู่กับกระเป๋ารถเมล์สาวสูงวัยตรงประตูด้านหน้า ฉันนึกเดาไปตามภาพที่เห็นว่าแม่ลูกกำลังหยอกเล่นกัน เป็นความสุขและการกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวไปตามมีตามเกิดของชนชั้นล่าง ที่ต้องออกทำมาหาเลี้ยงชีพตั้งแต่เช้า จนเย็นย่ำค่ำแล้วก็ยังไม่เป็นอันได้กินอยู่อย่างพร้อมหน้า
แต่รอยยิ้มน้อยๆของฉันก็มีอันต้องเจื่อนจางลงเมื่อสัญญาณไฟได้เปลี่ยนไปเป็นสีเขียว
“เฮ้ย รถจะออกแล้ว จะไปด้วยกันเรอะ”เสียงที่ตะโกนแข่งกับเสียงเร่งเครื่องยนต์อย่างอารมณ์ดีของคนขับรถทำให้ฉันรู้ว่าความสัมพันธ์ที่ฉันคาดเดานั้นผิดไป เด็กชายก้มหน้าลงหยิบของในมืออีกข้างหนึ่งส่งให้กับกระเป๋ารถเมล์ก่อนจะกระโดดลงจากรถ
ตัวของฉันได้เดินทางถึงที่หมายนานแล้ว แต่หัวใจยังติดอยู่ที่ทางแยกไฟแดงนั้น คงเช่นเดียวกันกับเด็กชายคนที่ฉันไม่รู้จักชื่อที่ยังต้องใช้เวลาอยู่กับการเดินเร่ขายพวงมาลัยมะลิสดอยู่ตรงนั้นอีกนาน คงไม่สะเทือนใจนัก ถ้าหากไม่เห็นหลานชายวัยเดียวกันกำลังต่อล้อต่อเถียงอยู่กับพ่อแม่ ท่ามกลางกองของเล่นกระจัดกระจายเมื่อเดินเข้าบ้าน
เด็กผู้ชายคนนั้นจะมีสิทธิ์ร้องอุทธรณ์บ้างไหม ในวันที่เขารู้สึกไม่อยากออกมาช่วยพ่อแม่ทำมาหากินด้วยการเดินเร่ขายพวงมาลัย ในช่วงเวลาที่เขาควรจะได้นั่งเล่น ทำการบ้าน
ในขณะที่เด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งกำลังดิ้นรนช่วยครอบครัวหารายได้เลี้ยงปากท้องอยู่กลางถนน เด็กอีกคนกลับดิ้นรนปฏิเสธข้าวเย็น เพื่อที่จะได้เล่นของเล่นอยู่กลางบ้าน
แตกต่างกันได้มากมายขนาดนี้ ทั้งที่อยู่ห่างจากกันแค่ไม่กี่ร้อยเมตร
อีกวันฉันออกจากบ้านตอนบ่ายโมงกว่า เป็นช่วงเวลาของการหยุดพักจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ของพนักงานประจำ เป็นช่วงเวลาอันแสนสุขของนักเรียนทุกระดับชั้นที่จะได้วิ่งเล่นตามอำเภอใจ แม้ว่าระยะเวลาจะไม่ยาวนานนักแต่การได้ผละออกจากภาระหน้าที่ชั่วครู่ชั่วยามตอนพักกลางวันก็เป็นสิ่งที่ทุกๆคนรอคอย
แดดจ้าของเดือนเมษายนทำให้ยิ่งยากที่จะหาความรื่นรมย์ตามรายทาง แล้วความรื่นรมย์อันริบหรี่ของฉันก็มีอันต้องดับวูบลง เมื่อรถคันที่ฉันนั่งได้หักเลี้ยวออกจากถนนประชาอุทิศ
ตรงทางแยกที่ถนนสองเส้นตัดกันและบริเวณใกล้เคียงในระยะรัศมีร่วมห้าสิบเมตรนั้น นอกจากจะไม่มีสิ่งปลูกสร้างสาธารณะใดๆให้ผู้คนที่ต้องสัญจรผ่านไปมาได้พักอาศัยร่มเงาแล้ว ยังไม่มีวี่แววของปัจจัยขั้นพื้นฐานที่สิ่งมีชีวิตจำเป็นต้องใช้ในการยังชีพอีกด้วย แม้จะมีเงินสดปึกใหญ่อุ่นๆอยู่ในกระเป๋า ก็หาซื้อไม่ได้แม้กระทั่งน้ำเปล่าเพียงแก้วเดียว
แต่ยังมีหนึ่งชีวิตที่ต้องอยู่ตรงนั้น
มีเพียงเสาปูนสูงประมาณไม้บรรทัดเศษที่สร้างไว้เพื่อใช้ระบุหลักกิโลเมตรตรงเกาะกลางถนน ที่พอจะให้เด็กชายได้อาศัยร่มเงาด้วยการขดตัวพิงกับเสา ในทิศทางตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ พื้นที่เพียงเท่านั้นไม่พอหรอกที่จะกำบังร่างกายเล็กๆของเขาให้พ้นจากแสงแดด หากแต่สายตาหม่นหมองที่จ้องมองพวงมาลัยดอกไม้สดในมือ ที่เป็นตัวบ่งบอกว่าสิ่งที่เขาห่วงใยอยู่ในนาทีนี้ไม่ใช่ตัวเขาเอง
เด็กชายในชุดอยู่บ้านมอมแมมต้องเดินเร่ขายพวงมาลัยอยู่กลางถนนตอนบ่ายเที่ยง ทั้งๆไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์ และไม่มีวาระพิเศษใดที่ทางการประกาศให้เป็นวันหยุด
จะมีอะไรที่น่าเศร้าใจมากไปกว่านี้อีกไหม ในเมืองที่ล้นไปด้วยความเจริญทางวัตถุอย่างกรุงเทพฯ
คงไม่มีเด็กคนไหนที่สนุกกับการใช้ชีวิตประจำวันอยู่กับการเดินขายพวงมาลัยทั้งวัน แล้วอะไรที่ทำให้เด็กคนหนึ่งต้องมีหน้าที่ทำมาหารายได้ แทนที่จะได้ไปโรงเรียน เล่นสนุกเหมือนกับเด็กคนอื่น
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ที่ที่ดอกไม้ควรได้อยู่ยังไงก็ไม่ใช่กลางถนนในเปลวแดด แล้วจะมีผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ในรถคันหรูสักกี่คนที่จะใส่ใจลดกระจกลง เพื่อซื้อดอกไม้มาไว้ในที่ทางที่สมควร
ตัวของฉันได้เดินทางถึงที่หมายของตนเองนานแล้ว แต่หัวใจยังติดค้างอยู่ที่ทางแยกไฟแดงนั้น เช่นเดียวกันกับเด็กชายขายพวงมาลัยที่ฉันไม่รู้จักชื่อ ที่ยังคงต้องใช้เวลาอยู่กับการเดินเร่ขายพวงมาลัยดอกไม้สดตรงทางแยกนั้นอีกนาน
--------------------------------
" All Copyright©Nanthanatcha "