วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 28, 2550

เรื่องของอ้อม...โลกของอ้อม

“เรื่องของอ้อม...โลกของอ้อม”
“อ้อม” เสาวนีย์ ฤทธิ์โชติ ไม่ได้เป็นเพียงตัวละครแห่งความเศร้าอย่างแท้จริงในหน้าหนังสือเท่านั้น แต่ว่าเธอคือหนึ่งชีวิตที่กำลังโลดแล่นอยู่ในโลกของความเป็นจริงกับโรคร้ายๆของเธออย่างเบิกบาน
แต่ละคนย่อมมีโมงยามแห่งความโศกเศร้าเป็นของตัวเอง และการแสดงออก ตัดพ้อต่อว่า ร้องไห้คร่ำครวญให้กับชะตากรรมอันทุกข์เข็ญของตนเองในแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับต้นทุนความทุกข์ที่ทุกคนมีอยู่ในมือด้วยปริมาณที่แตกต่างกัน หากแต่ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนประเมินค่า ให้ความสำคัญกับการได้เกิดมามีชีวิตของตัวเองในชาตินี้ไว้มากน้อยแค่ไหน
อย่าคิดว่าตัวเองแย่คนเดียว ในโลกใบนี้ ยังมีหลายร้อย หลายพัน หลายหมื่น เป็นแสนเป็นล้านที่มีความทุกข์เหมือนกัน (คัดลอกจากหนังสือ หน้า 126)
อ้อมมีชะตากรรมชีวิตที่แสนเศร้า เธอป่วยด้วยโรค scleroderma หรือโรคเกล็ดหนังแข็ง โรคนี้มีโอกาสเกิดขึ้นเพียงหนึ่งในล้านเท่านั้นและโชคดีที่โรคร้ายนี้ไม่แพร่ระบาด แต่โชคร้ายตรงที่โรคนี้ทำให้อ้อมต้องต่อสู้กับความโดดเดี่ยว ปรับเปลี่ยนทัศนคติตัวเองซะใหม่ อยู่กับความเหงาให้ได้เหมือนกับเป็นเพื่อนสนิทกัน เหล่านี้คือสิ่งที่อ้อมต้องทำไปพร้อมๆกับการต่อสู้กับความเจ็บปวดทางร่างกายที่ยิ่งนับวันก็ยิ่งถาโถมเพิ่มปริมาณความทุกข์ทรมานให้กับเธอ
ตาผิดหวังจากการที่อ้อมป่วยรักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย แต่ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เห็นรอยยิ้มภูมิใจของตา เพราะอ้อมทำได้ด้วยตัวเองไม่ได้ใช้เส้นใช้สาย ทำด้วยสมองของอ้อมเอง ถึงร่างกายจะคล้ายพิการแต่สมองไม่ได้พิการ ถึงร่างกายจะไม่สมประกอบเหมือนเพื่อนๆ แต่อ้อมก็ยังมีสมองที่เหมือนเขา ยังสามารถที่จะใช้สมองเป็นประโยชน์ได้ เพราะว่าการที่จะสอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เด็กทั่วทั้งจังหวัดต้องมาสอบเข้าที่โรงเรียนนี้ ตาหวังมากกับเรื่องการรักษาแต่ต้องผิดหวัง อ้อมก็เลยหวังอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องเรียน ยังไงอ้อมก็อยากจะให้ตาภูมิใจสมหวังกับอ้อมสักเรื่อง (คัดลอกจากหนังสือ หน้า 34)
ต้นทุนความทุกข์ของอ้อมมากมายจนล้นตัว แต่เธอกลับยิ้มได้ อยู่กับมันได้อย่างเป็นสุข และไม่เคยคิดว่าตัวเองโชคร้ายต่ำต้อย ทั้งๆที่ความจริงแล้วเธอกำลังแบกรับความทุกข์เอาไว้จนเต็มหลัง นอกจากอ้อมจะทำได้เพียงแค่นอนรอรับการดูแล ให้น้ำป้อนข้าวจากคนรอบข้างแล้ว อ้อมยังต้องทนรับมือกับสายตาขี้สงสัยและคำถามด้วยความแปลกประหลาดใจและอยากรู้ของผู้อื่นที่ได้พบเจออย่างไม่รู้จบ ควบคู่ไปกับยอมรับการรักษาพยาบาลทุกวิถีทางเพื่อให้บาดแผลตามร่างกายของเธออยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อลดทอนความเจ็บปวด
มีรายการมาถ่ายตอนที่อ้อมแช่น้ำ จะมีกล้องมีคนมาดู เราก็อายเพราะไม่รู้ว่าภาพที่ถ่ายมันจะไปจะมีอะไรโผล่ออกมาก็ไม่รู้ เราก็จะหนีบๆกลัวๆ พี่เขาบอกเขาถ่ายไม่ให้โป๊หรอกพี่จะถ่ายที่มันเห็นแผลเท่านั้น แต่สมาธิมันจะแยกเป็น 2 อย่างนะ อย่างหนึ่งกลัวว่าพี่ตากล้องจะถ่ายโป๊ สมองอีกซีกหนึ่งก็กลัวว่าทำแผลแล้วเราเจ็บ อ้อมกลัวตัวสั่น แต่ใจอ้อมกลัวมาทางทำแผลเจ็บมากกว่า (คัดลอกจากหนังสือ หน้า 105)
นี่ไม่ใช่ฉากทรมานตัวละครเอกเพื่อเรียกคะแนนสงสารจากนิยายเล่มไหน แต่เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตประจำวันที่อ้อมจะต้องเผชิญหน้าเพื่อค่ารักษาพยาบาลที่เกินความสามารถของครอบครัวอ้อม อ้อมเข้มแข็งมากพอที่จะเปิดใจ เล่าเรื่องของตัวเองให้กับผู้ใจบุญได้รับรู้อย่างยินดี และผู้คนที่เมตตาอ้อมจำนวนนี้แหละ ที่ทำให้อ้อมรู้สึกมีความหวังในการใช้ชีวิตให้อยู่รอดต่อไปบนโลกอันน่าหดหู่ใบนี้ แล้วเธอก็ได้ลบคำว่า “อ่อนแอ” และ ”ยอมจำนน” ออกจากพจนานุกรมชีวิตของเธอ
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คืออ้อมก็ไม่เคยดูถูกตัวเอง เธอทำตัวเองให้มีคุณค่ามากกว่าแค่ได้หายใจทิ้งไปวันๆในสภาพร่างกายที่ไม่มีความสมประกอบเอาซะเลย
เมื่อก่อนเคยคิดว่าทำไมแม่ไม่เอาอ้อมออกนะ ช่วงที่ท้องแล้วหมอบอกให้เอาออก แต่ทุกวันนี้แม่รักอ้อม ขอบคุณที่ทำให้อ้อมเกิดมา ถึงแม้โลกจะไม่ได้สดสวยอย่างที่อ้อมคิด อาจจะมีความทุกข์ความว้าเหว่ แต่ก็ทำให้อ้อมมีความคิดดีๆกับตัวเอง (คัดลอกจากหนังสือ หน้า 121)
ในขณะที่บางคนพยายามเรียกร้องความเห็นใจจากคนรอบข้างกับต้นทุนความโศกเศร้าเพียงหยิบมือ อย่างเช่นหน้าที่การงานที่หนักหนาสาหัส แทบจะไม่มีเวลาได้พักผ่อน ในขณะที่อ้อมกลับไม่เคยพูดถึงเลยว่าอยากที่จะขับแข้งขยับขาของตัวเองได้บ้าง แม้ไปเที่ยวที่ไหนไม่ได้ แค่ได้เดิน ได้วิ่งเล่นบ้างก็ยังดี อ้อมทำหัวใจของตัวเองให้ยินดีกับการไปเที่ยวรอบโลกผ่านจอทีวีได้อย่างหน้าชื่นตาบาน
ถึงแม้ฉันจะเชื่อว่าอ้อมคงร้องไห้ให้กับบาดแผลที่กระแทกกระทั้นก้อนเนื้อเพียงกำมือเดียวของตัวเองหลายครั้ง แต่ฉันก็ยังชื่นชมความเข้มแข็งที่อ้อมแสดงออกมาอยู่ดีนั่นแหละ น้อยคนนักที่จะกล้าเผชิญหน้ากับชะตากรรมอันโหดร้ายอย่างไม่หวาดหวั่นได้เท่าอ้อม
“เรื่องของอ้อม” โรคของอ้อมทำให้ฉันเลิกมองไปที่ต้นทุนความทุกข์ในมือ แล้วแหงนหน้ามองขึ้นไปที่ท้องฟ้า...
อย่าคิดว่าตัวเองแย่คนเดียว ในโลกใบนี้ ยังมีหลายร้อย หลายพัน หลายหมื่น เป็นแสนเป็นล้านที่มีความทุกข์เหมือนกัน (คัดลอกจากหนังสือ หน้า 126)
ถ้อยคำของอ้อมทำให้ฉันหยุดเสียเวลาที่สูญเปล่าไปกับการตัดพ้อโชคชะตา แล้วเริ่มต้นลงมือค้นหาความหมายและคุณค่าให้กับชีวิตจริงของตนเอง
--------------------------------
" All Copyright©Nanthanatcha "