วันพุธ, มิถุนายน 20, 2550

มาวิ...เจ้าหนูหัวดื้อแห่งทุ่งหญ้าสีน้ำเงิน


แค่เพียงไม่กี่หน้ากระดาษที่ พิบูลศักดิ์ ละครพล ได้เริ่มต้นเล่าเรื่องราวของทุ่งหญ้าสีน้ำเงิน ฉันก็รู้ได้แล้วมาวิว่าเป็นเด็กดื้ออย่างร้ายกาจ เป็นเด็กที่ดื้อเงียบ ชอบทำเป็นหูทวนลมเมื่อรู้สึกไม่พอใจ และช่างประชดประชันอย่างที่สุด เช่นเดียวกับเด็กทั่วไปที่ต้องตกอยู่ในสภาพครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์
ถึงแม้ว่ามาวิจะกำพร้าแม่ แต่เขาก็ได้รับความรักและการดูแลเอาใจใส่อย่างดีจากผู้เป็นพ่อ จนกระทั่งวันที่เขาจะต้องเข้าโรงเรียนได้เดินทางมาถึง ซึ่งชายแปลกหน้าที่มีใบหน้าหยาบกร้านและดวงตาแดงก่ำด้วยความเมา เป็นคนขี่ม้านำข่าวสารนี้มาแจ้งยังหมู่บ้านในหุบเขา ความหัวดื้อหัวรั้นของมาวิจึงได้แสดงตัวออกมาอย่างชัดเจน เขาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงร้องเรียกของพ่อ และหลบนอนอยู่ในยุ้งข้าว เพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่าเขารู้สึกไม่พอใจมากแค่ไหนกับการมาของชายแปลกหน้าคนนั้น
...ที่นั่นจะมีที่สวยๆอย่างนี้ไหมนะ...มาวิรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ...คิดถึงเมื่อเวลาที่พ่อทำเสียงตอดไก่ ยามนี้แหละที่พวกแม่ไก่มันฟักลูก ปล่อยให้เจ้าไก่ตัวผู้เหงาหงอย และมันจะหลงคิดว่าเสียงเป่าปากเป็นเสียงตอดๆๆๆนั้น คือเสียงของไก่ตัวเมียผู้เปล่าเปลี่ยวใจเดินออกมาหาคู่ และมันก็ตีปีกพึ่บๆลงจากยอดเขามา...ใกล้เข้ามา...ใกล้เข้ามา เราพากันแอบซุ่มอยู่อย่างระทึกใจ มาวิจะได้เป็นคนอยู่ข้างหน้า นั่นเป็นสิ่งที่พ่อบอกให้ทำ...พอมันมาถึงใกล้มาก พ่อก็หยุดตอด และขณะที่เจ้าไก่ตัวงามกำลังงุนงงสงสัยกับเสียงหยอกเอินที่เงียบหายไปนั้น...แน่ละมันหมุนตัว ส่ายตาไปมา...หางของมันยาว เหลืองสลับดำ ปีกมันแดงแซมเขียวจัด มันขันอย่างคึกคะนอง มาวิเล็งแล้ว...เล็งอีก เขาเล็งอย่างดีก่อนที่จะลั่นไก...
เมื่อรู้ว่าไม่ว่ายังไงก็ตามเขากับตูรูเพื่อนรักก็จะต้องไปเข้าโรงเรียนตามที่ครูขี้เมาได้นำข่าวมาบอกกับพ่อแม่ของเด็กๆในหมู่บ้านกลางดง สิ่งที่มาวิคิดถึงคือปีนและการซุ่มยิงไก่ป่า แม้ว่ามาวิจะยังเด็กอยู่มาก แต่เขามีความชำนาญในการใช้ปีนเพื่อล่าเหยี่ยว และเชี่ยวชาญด้านการดักซุ่มยิงไก่ป่าเป็นอย่างดี มาวิเรียนรู้กฎกติกาของการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับป่าเหล่านี้มาจากผู้เป็นพ่อ ซึ่งเป็นคนรุ่นแรกที่เข้ามาบุกเบิกป่านี้เพื่ออยู่อาศัย และสอนให้ทุกๆคนในหมู่บ้านแห่งนี้อยู่กันอย่างไม่เบียดเบียนธรรมชาติ
มาวิไม่มีโรงเรียนในจินตนาการ ในหัวของเขามีแต่คำถามว่าที่นั่นจะมีท้องฟ้ากว้างๆแบบที่บ้านของเขาไหม จะมีใครรู้จักวิธีล่าเหยี่ยวและไก่ป่าแบบเขารึเปล่า และทันทีที่มาวิรู้ว่าที่โรงเรียนไม่สนุก เขากับเพื่อนๆที่มาจากหมู่บ้านในดงกลายเป็นตัวประหลาดของเด็กๆในเมือง แล้วโรงเรียนก็มีแต่กฎระเบียบที่เขาเห็นว่าไม่ยุติธรรมเอาซะเลย รั้วสูงของโรงเรียน ความไกลของระยะทาง และความมืดของกลางคืนก็ไม่สามารถที่จะกีดกันไม่ให้เขาหนีออกจากที่นั่นได้
แต่ว่าในที่สุดมาวิกับตูรูก็ต้องเดินทางกลับคืนสู่โรงเรียน คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของพ่อได้ปลุกให้สัญชาติญาณการเอาชนะ เพื่อที่จะปกป้องศักดิ์ศรีให้กับผู้เป็นพ่อในตัวของมาวิให้ตื่นขึ้นมาได้
...บางทีอาจจะเป็นเพราะการเอาใจใส่เลี้ยงดูมาวิอย่างใกล้ชิดสนิทสนมของพ่อ ที่ทำให้พ่อรู้ว่าจะต้องทำยังไงมาวิจึงจะยอมกลับไปที่โรงเรียน และตั้งใจเรียนอย่างที่พ่อคาดหวัง เพราะไม่มีใครรู้จักมาวิดีเท่าพ่อ หรือไม่ มาวิก็เป็นลูกไม้ที่ตกไม่ไกลต้น...
ตลอดเวลาที่อยู่ที่โรงเรียน มาวิค่อยๆเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม แต่ตลอดเวลามาวิคิดถึงแต่บ้าน คิดถึงป่า
“ในชั่วโมงวาดเขียน เมื่อครูให้วาดรูปตามใจชอบ มาวิได้วาดรูปท้องทุ่งกว้าง มีดอกไม้บานสว่างไสว มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินไปกลางทุ่ง เขาสะพายปืนด้วย เบื้องบนหัวของเขา เหยี่ยวภูเขากำลังโบยบิน และแทบเท้าของเขา ดอกทานตะวันป่าแต้มสีเหลืองพรายให้ทุ่งหญ้าและยอดเนิน”
นอกจากการวาดรูปแล้วมาวิยังได้แสดงความชัดเจนในสิ่งที่เขาอยากเป็นด้วยการเขียนเรียงความในหัวข้อ ”ผมอยากเป็นนายพราน” ส่งคุณครู ในขณะที่เด็กคนอื่นๆมีความฝันมากมาย ทั้งตำรวจ นายอำเภอ คุณหมอ ทุกความฝันล้วนสวยงามเสมอ หากแต่มาวิยังคงยืนยันที่จะเป็นนายพรานเหมือนกับพ่อของเขา
มาวิเป็นเด็กดื้อ แต่มาวิก็เป็นเด็กรักดี และหัวดี เขาได้รับคัดเลือกให้ไปเรียนต่อในเมือง แต่มาวิกลับส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะรู้ว่าไปเรียนในเมืองจนจบมอสอสามก็ยังไม่มีใครสามารถ ”เป็น” ในอาชีพที่ตนเองได้วาดฝันเอาไว้ ได้ ทั้งหมอ นายอำเภอ และอีกหลายๆความฝันสีสวยของเด็กๆ ยิ่งเรียนสูงขึ้นไป ก็ยิ่งต้องแก่งแย่งแข่งขันกันมากยิ่งขึ้น
แต่อาชีพ ”นายพราน” ของมาวิไม่มีคู่แข่ง และไม่มีการสอนในโรงเรียน
มาวิเรียนรู้วิถีของป่ามาจากการใช้ชีวิตอยู่ในป่ากับพ่อของเขามาเป็นอย่างดีแล้ว ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตนเองไม่จำเป็นต้องเรียนต่อ เพื่อต่อสู้แข่งขันกับคนอื่น
ความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ และรักในบ้านเกิดของตนเองได้ทำให้มาวิตัดสินใจในสิ่งที่พ่อและทุกๆคนไม่คาดคิดมาก่อนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พ่อของมาวิยอมรับได้แล้วกับสิ่งที่เขาได้เลือก
เรื่องราวของมาวิ ไม่ได้เพียงแค่ชี้ให้เห็นถึงการปลูกฝังความคิดให้กับเด็กๆของคนที่เป็นผู้ใหญ่เท่านั้น หากแต่ทำให้ฉันอดที่จะตั้งคำถามไม่ได้ว่า จะมีคนพลัดถิ่นเข้ามาสู่เมืองสักกี่คน ที่มีสำนึกรักบ้านเกิดอย่างมาวิ
..... ..... ..... .....
ชื่อหนังสือ:ทุ่งหญ้าสีน้ำเงิน
(รางวัลชมเชยประเภทบันเทิงคดีสำหรับเยาวชนก่อนวัยรุ่น จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติปี 2521)
นักเขียน:พิบูลศักดิ์ ละครพล
จัดพิมพ์โดย:แพรวสำนักพิมพ์


--------------------------------
" All Copyright©Nanthanatcha "