วันอังคาร, เมษายน 03, 2550

เรื่องเล่าของการเดินทาง

เรื่องเล่าของการเดินทาง
ทุกครั้งที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในภาวะอารมณ์ที่พร้อมจะตะโกนใส่หน้าทุกคน ที่ได้เฉียดผ่านเข้ามาในรัศมีของการมีปฏิสัมพันธ์ ฉันจะเก็บเสื้อผ้าเท่าที่จำเป็นใส่กระเป๋า แล้วมุ่งหน้าเดินทางสู่ทะเล และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของการเดินทางมาทะเลคนเดียวอย่างกะทันหัน เพียงเพื่อที่จะได้มานั่งกอดเข่าบนผืนทรายแล้วทอดสายตาออกไปไกลในเวิ้งน้ำสีครามตรงหน้า คล้ายกำลังจับจ้องอยู่ที่บางสิ่งบางอย่างซึ่งฝังตัวอยู่ที่ปลายสุดของเส้นขอบฟ้า แต่แท้จริงแล้วเหตุผลของการเดินทางของฉันก็คือการตามหาอะไรบางอย่าง
“อะไร”ที่ฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าควรที่จะเรียกมันว่าอะไรดี
แม้ว่าเงื่อนไขของหลายๆอย่างในชีวิต จะทำให้ฉันได้มีโอกาสทำตัวเป็นนักเดินทางได้ไม่บ่อยนัก แต่หากจะเทียบกับอีกหลายๆคนที่หมกมุ่นอยู่กับการตั้งเงื่อนไขให้กับชีวิตของตัวเองแล้วล่ะก็ จำนวนความถี่ของการเดินทางและความแปลกต่างของสถานที่ก็นับว่าไม่เลวนัก และโดยส่วนมากฉันก็มักที่จะเดินทางเพียงลำพัง
ด้วยรู้ดีว่าเป็นคนเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ ฉันจึงไม่ขวนขวายที่จะหาใครสักคนร่วมทางไปด้วยกัน เพราะนั่นมันอาจหมายถึงการลงมือทำลายบรรยากาศของการเดินทางด้วยตัวเอง
การเดินทางคนเดียวของฉันในครั้งนี้มีที่มาจากความจริงของการใช้ชีวิตประจำวันอยู่ร่วมกับคนอื่นข้อที่ว่า ยิ่งพูดกันมากขึ้น ยิ่งเข้าใจไม่ตรงกันมากขึ้น
ทั้งๆที่เราสองคน(ฉันกับคนที่เคยวางแผนไว้ว่าจะแต่งงานกันในปีนี้)เคยประทับใจในหนังเรื่องเดียวกัน มีเพลงโปรดชื่อซ้ำกัน ชอบนั่งมองฟ้าในเวลากลางคืนเหมือนๆกัน ตลอดจนมีคำตอบเดียวกันเมื่อถูกถามว่าอยากได้ของวิเศษชิ้นไหนของโดราเอม่อนโดยไม่ได้นัดหมาย แต่เมื่อเราตกลงใช้เวลาอยู่ร่วมกันมากขึ้น เพื่อที่จะเรียนรู้ทำความรู้จักซึ่งกันและกันให้มากขึ้นก็พบว่า ยิ่งเราพูดคุยกันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เราสองคนมีเรื่องถกเถียง ชวนทะเลาะได้เยอะเท่านั้น ยิ่งอยากจะทำความเข้าใจ ก็ยิ่งกลับกลายเป็นความขัดแย้ง และตลอดระยะเวลากว่าหกปีของการคบหาและอยู่ร่วมกันมานั้น ไม่เคยมีสักครั้งที่เราได้ร่วมกันเดินทาง ทั้งๆที่เราต่างก็กำลังเดินอยู่บนถนนเส้นเดียวกันก็ตาม
ฉันเชื่อว่ารสชาติของช็อคโกแลตเป็นสิ่งที่ต้องชิมด้วยตัวเอง เมื่ออยากรู้ว่าช็อคโกแลตชิ้นที่หยิบขึ้นมานั้นหวานหรือไม่ ทางเดียวที่จะรู้ได้ก็คือใส่มันลงในปาก และเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายบอกต่อให้คนอื่นเข้าอกเข้าใจ ซาบซึ้งไปกับรสชาติที่เราได้สัมผัสเช่นเดียวกันกับการเดินทาง อยากเห็นที่ไหนก็ต้องเดินทางไปให้เห็นกับตา การนั่งฟังคนอื่นเล่าถึงเรื่องปีนเขา มันไม่สนุกเท่าได้ไปไถลล้มด้วยตัวเอง แม้ว่าอาจจะปีนป่ายได้ไม่ถึงที่หมาย ไม่ได้เห็นวิวสวยที่ทุกๆคนพูดถึง แต่มิตรภาพและน้ำใจของคนที่ได้พบระหว่างทางก็ต้องทำให้จดจำการเดินทางทริปนั้นได้ไปอีกนานโดยไม่ต้องตั้งใจ
สำหรับเราสองคน(ฉันกับคนที่เคยวางแผนไว้ว่าจะแต่งงานกันในปีนี้)เขาเป็นฝ่ายที่พูดถึงการเดินทางได้ไม่ขาดปาก ตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักกัน จนถึงวันบอกลาที่ได้มองหน้ากันแบบไม่ค่อยเต็มตานักเป็นครั้งสุดท้าย เขาก็ยังคงจดจ่ออยู่กับการเดินทางที่สวยหรูในแบบของตัวเอง เป็นการเดินทางบนถนนสายความฝันอันมีหมุดหมายอยู่ที่การได้ทำอัลบั้มกับค่ายเพลงใหญ่
วันแรกที่รู้จักกันฉันนั่งฟังเขารำพึงเล่าถึงแผนการเดินทางอย่างตื่นเต้น และในวันที่จากลานั้นฉันก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงยังเดินทางไม่ถึงจุดหมายปลายทางที่วางไว้สักที ก็เพราะเขายังไม่เคยคิดที่จะเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าด้วยซ้ำไป
การเดินทางบนถนนสายความฝันไม่ใช่เรื่องง่ายดาย โดยเฉพาะบนสายของความฝันที่มีเพื่อนร่วมทางคับคั่งอย่างการทำอัลบั้มในปัจจุบัน แค่พรสวรรค์ ความสามารถ และประสบการณ์ที่ติดตัวมาของแต่ละคนยังไม่เพียงพอหรอกที่จะนำไปสู่การทำอัลบั้มเพลงให้ประสบความสำเร็จสักชุด แม้ว่าจะมีทุนทรัพย์เป็นจำนวนเงินมากพอที่จะทำอัลบั้มนั้นด้วยตัวเองก็ตาม ในยุคที่ผู้บริโภคให้ค่ากับเสียงร้องและความสามารถของศิลปินเป็นรองความหน้าตาดีอยู่นิดหน่อย ความเป็นจริงข้อนี้ฉันคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำงานคลุกคลีอยู่ในวงการก็น่าจะดูออก ในเมื่อเพื่อนร่วมทางมีมากกว่ายวดยานพาหนะที่รองรับเพื่อที่จะนำพาไปสู่จุดหมายปลายทาง การแข่งขันกันเพื่อที่จะได้เป็นผู้โดยสารก็ย่อมมีสูงตามไปด้วย คนที่ได้เปรียบก็คือคนที่มีความสมบูรณ์พร้อมมากที่สุดอยู่ในตัวเอง แต่คนที่มีความพร้อมน้อยกว่าก็สามารถเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางเดียวกันนั้นได้เช่นกัน หากรู้จักที่จะใช้ความพยายาม เลี่ยงไปใช้การเดินทางด้วยวิธีอื่น ที่สะดวกน้อยกว่า ดูดีน้อยกว่า การเดินทางลำบากกว่า ใช้เวลาในการเดินทางที่มากกว่าแต่ว่าสามารถที่จะไปถึงจุดหมายได้เหมือนๆกัน
แต่เขาเป็นคนที่ยึดมั่นถือมั่นอยู่กับรูปแบบการเดินทางที่ตัวเองเลือก กำหนดแม้กระทั่งยวดยานลำที่จะขับเคลื่อนพาไปสู่ที่หมาย ตลอดจนคิดว่าประสบการณ์และความสามารถพิเศษอันเปรียบได้กับข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวอันพึงมี ก็เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในการเดินทาง ให้ค่ากับตัวเองมากเสียจนไม่รู้ว่า บางทีนั่นอาจจะหมายถึงการดูถูกสติปัญญาตัวเองไปพร้อมๆกันก็ได้ เพราะปฏิเสธที่จะยอมรับว่าโลกใบที่แต่ละคนสามารถวาดฝันตามอำเภอใจกับโลกใบที่ต้องใช้ชีวิตอยู่จริงเป็นคนละเรื่อง คนละโลก และจากวันนั้นที่เขาเล่าถึงแผนการเดินทางอันสวยหรูที่มุ่งไปสู่การทำอัลบั้มให้ฉันฟัง จนถึงวันนี้เขาก็ยังคงยืนอยู่ที่เก่า คือการเป็นนักดนตรีกลางคืนที่ไม่ค่อยมีงานมากนัก และมักจะต้องออกตระเวนหาร้านใหม่ในทุกๆสองสัปดาห์ เพราะความมั่นใจว่าเพลงที่ตัวเองเลือกมาเล่นให้แขกฟังนั้นดีมากอยู่แล้ว
อีกเหตุผลหนึ่งของการเดินทางคนเดียวของฉันก็คือ ฉันไม่ค่อยจะได้วางแผนการให้กับการเดินทางของตัวเองสักเท่าไหร่ รู้แค่ต้องทำยังไงก็ได้(แต่ต้องไม่ทำให้ใครต้องเดือดร้อน)เพื่อให้ไปถึงจุดหมายของการเดินทางที่ได้วางไว้ บ่อยครั้งที่ต้องตระเวนหาที่พักอยู่หลายแห่งด้วยความที่ไม่ได้จองไว้ล่วงหน้าก็เลยไม่มีที่ว่างเหลือให้ซุกหัวนอน และฉันไม่ค่อยชอบบอกเล่าถึงจุดมุ่งหมายต่อไปที่ตัวเองจะออกเดินทางให้ใครฟัง ด้วยรู้ตัวว่าเป็นคนเอาแน่นอนอะไรไม่ค่อยได้ และความที่โลกยังคงหมุนไปตามแรงเหวี่ยงของตัวมันเอง ก็เป็นสิ่งที่บอกกับฉันว่า คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะกำหนดกฎเกณฑ์ทุกสิ่งทุกอย่างได้
เช่นเดียวกันกับการเดินทางบนถนนสายความฝันของฉันอันมีหมุดหมายอยู่ที่การได้เขียนหนังสือ แม้ว่าตอนนี้ฉันจะมีชื่อแทนตัวที่ตนเองตั้งขึ้นอยู่บนปกพ็อคเก็ตบุ๊คเล่มเล็กๆที่ตัวเองเขียนเองทั้งหมดแล้วก็ตาม แต่ฉันก็ยังไม่มั่นใจมากพอที่จะบอกกำหนดของเล่มต่อไปให้ใครฟัง แม้กระทั่งกับตัวเอง
เรื่องที่ฉันอยากจะเล่าอย่างภูมิใจ คือเรื่องราวรายทางที่ฉันได้ผ่านมา แม้ว่าฉันต้องหกล้มหลายครั้ง และระหว่างทางมีหลายคนจดจ้อง ลงมือผลักไส ลอบทำร้ายกันอยู่หลายหน แต่เมื่อผ่านพ้นมาได้ อุปสรรคพวกนั้นก็ทำให้ฉันภาคภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ลงมือทำมากขึ้นไปอีก
เหตุผลของการมักลงมือทำสิ่งต่างๆโดยขาดการยั้งคิดในบางครั้งมันถูกหล่อหลอมมาจากอะไร ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันแน่ใจในวันนี้ก็คือ ความรักเพียงอย่างเดียวไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะถ่วงการใช้ชีวิตคู่ของคนสองคนที่มาจากพื้นฐานครอบครัวและสังคมคนละแบบให้สมดุลและยืนยาว
แม้ว่าวันนี้ฉันจะรู้สึกท้อแท้หมดเรี่ยวแรงกับการที่จะต้องเดินทางต่อไปเพียงลำพังบนถนนสายของการใช้ชีวิตที่เหลือก็ตาม แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่รู้สึกถอดใจกับการมีชีวิตอยู่ อีกทั้งฉันยังไม่รู้ว่าอะไรที่ฉันกำลังตามหานั้นอยู่ที่ไหน และยังไม่รู้ว่าจะเรียก “อะไร”นั่นว่าอะไรดีด้วย บางทีสิ่งที่ฉันกำลังตามหาอาจจะหมายถึงการแสวงหาคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ หรือความคุ้มค่าของการได้เกิดมาเป็นคนในชาติภพนี้ก็ได้ แต่อย่างน้อยที่สุดการเดินทางมาตั้งหลักที่ทะเลตรังคนเดียวในครั้งนี้ ทำให้ฉันมองเห็นข้อดีของยอมปล่อยมือจากคนที่เคยวางแผนไว้ว่าจะแต่งงานกันในปีนี้ชัดเจนขึ้น ว่ามันคือการเลิกทำลายบรรยากาศของการเดินทางด้วยตัวเองซะที
.... .... .... ....



All Rights Reserved.
2006 Copyright©Nanthanatcha Cheusuwan
------------------------------------------