วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 01, 2550

ความเศร้าที่ไม่มีเสียง

ภาพโต๋เต๋กะต้องตานอนกอดกันแน่นมากขึ้นเป็นสิ่งที่เตือนให้ฉันรู้ว่าลมหนาวได้พัดมาถึงหน้าบ้านอย่างเต็มตัวแล้ว กลับบ้านหนนี้ฉันจึงบอกให้แม่หาเสื้อให้เจ้าย่นใส่ ความห่วงใยอีกส่วนหนึ่งเดินทางไกลไปถึงเจ้าแดง หมาแก่ข้างถนนที่ฉันเพียรหาโอกาสเอาข้าวไปให้ และคราวนี้ตั้งใจไว้ว่าจะหาผ้าอุ่นๆไปฝากซักผืน
ในวันที่ฉันคลุกข้าวไปฝากเจ้าแดง แล้วไม่พบหน้า ฉันจะสามารถทนรับมือกับความรู้สึกในวันนั้นได้มากน้อยแค่ไหน ฉันเองก้อยังไม่รู้...
แล้วคำบอกเล่าของพ่อที่ดังขึ้น ก้อหยุดความคิดเรื่อยเปื่อยของฉันให้ชะงักงัน
...เจ้าอ้วน กระรอกของพี่ที่นำมาฝากไว้เมื่อสามสี่เดือนก่อน ...ตายแล้ว
...เจ้าเอี้ยง นกปากมากเสียงดังที่คอยส่งเสียงเรียกฉันเมื่อมีคนแปลกหน้ามายืนอยู่ที่หน้าบ้าน ...ตายแล้ว
...ปลาในอ่างหน้าบ้านของหลานชาย ที่คนดูแลเอาใจใส่คือพ่อ ...เกือบตาย (ช่วยชีวิตเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด)
ใจหนึ่งเศร้ากับเรื่องร้ายๆที่ได้รับรู้ มิหนำซ้ำความหดหู่กับภาพลูกช้าง ที่ถูกคนเลี้ยงเอามาเดินขอทางในเมืองเมื่อคืนนี้ก้อยังไม่ได้จางหายไปไหน เศร้า...เศร้า...ฉันเศร้าจนน้ำตาไหล แต่ไม่มีเสียงสะอื้น ไม่มีคำถาม ไม่มีคำตัดพ้อต่อว่าโชคชะตา โลกของฉันยังไม่ดับ มันเพียงแค่หยุดนิ่งอยู่กับที่
พักใหญ่ๆฉันถึงรวบรวมเรี่ยวแรงโทรไปเล่าให้ผู้ชายคนเดิมฟังได้ เสียงหัวเราะเบาๆที่ตอบกลับมานั้นทำให้หัวใจของฉันอุ่นขึ้น เพราะมันแทนประโยคที่ว่า
“คิดมากอีกแล้วนะเรา”
แต่พอถูกถามถึงของสำคัญที่ฉันกำลังค้นหา ฉันก้อรู้สึกเหมือนตัวเองถูกทุบด้วยค้อนขนาดใหญ่ ก่อนหน้านี้ฉันว้าวุ่นใจมากกับการค้นหาใบนัดของคุณหมอ เพราะตอนที่ได้มา ฉันไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าคุณหมอกฤษณะพงษ์นัดให้ไปตรวจครั้งหน้าวันที่เท่าไหร่ รู้แค่เท่าที่คุณหมอบอกเอาไว้ว่าเป็นเดือนพฤศจิกายน
แต่ตอนนี้ฉันกำลังบ้าบออยู่กับเรื่องไม่เป็นเรื่องในสายตาของเขา
เพราะเขาไม่ตำหนิ หรือต่อว่าฉันซักคำฉันถึงคิดได้ รู้ตัวว่ากำลังจัดลำดับความสำคัญของการดำเนินชีวิตผิดอีกแล้ว
แม้ว่าตอนนี้ฉันจะคลี่ยิ้มได้แล้วก้อตาม แต่กลิ่นของความเศร้า กับโชคชะตาของสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบข้างก้อยังไม่ได้จางไปไหน รอให้ฉันสะสางโชคชะตาวุ่นๆของตัวเองเสร็จเมื่อไหร่ ฉันจะนั่งนิ่งๆ หอมกลิ่นของความเศร้าเหล่านั้นเอาไว้แน่นอน...ฉันสัญญา

--------------------------------
" All Copyright©Nanthanatcha "