วันจันทร์, ธันวาคม 11, 2549

ในอ้อมกอดชื่อความรัก




"ในอ้อมกอดชื่อความรัก"

ใบข้าว เขียน


กล่อมเอื้อมมือไปผลักชามโจ๊กที่เพิ่งจะถูกวางลงตรงหน้าเบาๆ แล้วเบือนหน้ากลับไปทางทิศตะวันออก ดวงอาทิตย์ของวันใหม่กำลังเคลื่อนตัวออกจากยอดไม้อย่างเชื่องช้า แดดเช้าทำให้พื้นที่ไม่กี่ตารางเมตรบริเวณระเบียงบ้านดูอบอุ่นมากขึ้น แต่บรรยากาศอันอุ่นหวานนั้นไม่อาจะเยียวยาให้ความรู้สึกของกล่อมในตอนนี้ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
“เรื่องมากอีกแล้วนะแก เพราะนิสัยแบบนี้ของแกล่ะมั้ง ถึงได้ทำให้เค้าทนแกไม่ไหว”
ลัลถอนหายใจเบาๆพลางก้มหน้าก้มตากินโจ๊กในชามของตนเอง ไม่รบเร้าเซ้าซี้อะไรกับกล่อมเพราะรู้ดีว่าผู้เป็นเพื่อนเกลียดการคาดคั้นคะยั้นคะยอเป็นที่สุด อีกทั้งตอนนี้ยังอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างแฮ้งค์อันเป็นผลมาจากการการดื่มเหล้าอย่างหนักตั้งแต่เมื่อคืนก่อน จึงพร้อมที่จะวีนแตกอาละวาดได้ทุกเมื่อ
แม้จะสนิทสนมคุ้นเคยกันได้ไม่นานนัก แต่ลัลก็เชื่อว่าเธอรู้จักเพื่อนคนนี้ดีกว่าคนไหนๆ แม้ว่าจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่แตกต่างกันแบบสุดขั้ว แต่ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ทำให้ต่างคนต่างอ่านกันออกมากกว่าคนอื่น และสิ่งที่ลัลดีใจที่สุดก็คือ กล่อมเลือกที่จะมาหาเธอที่บ้านสวนในเวลาที่กล่อมต้องการพื้นที่ส่วนตัวเพื่อพัก เพื่อหนีจากอะไรบางอย่างที่เข้ามากระทบจิตใจ และอยู่ในภาวะที่อ่อนแอเกินไปที่จะรับมือ
“เวลาห้าปีกว่าที่ผ่านมามันคือการอดทนยังงั้นเหรอ? แล้วอดทนมาทำไมจนป่านนี้ล่ะ มันน่าจะจบๆกันไปตั้งนานแล้ว จะได้ไม่ต้องเปลืองเวลา เสียความรู้สึก เพราะฉันก็เป็นของฉันแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร”
กล่อมยังคงทอดสายตานิ่งอยู่ที่เดิม แม้ความเลื่อนลอยในน้ำเสียงจะทำให้ลัลรู้ว่า กล่อมไม่ได้ตั้งใจจะให้คนที่นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวใส่ใจกับถ้อยคำเหล่านั้น แต่ลัลก็ยังอดไม่ได้ที่จะแสดงความคิดเห็น
“แต่แกกับเค้าเพิ่งจะอยู่กินกันด้วยกันแค่ปีเดียวเองนี่นา แค่เห็นหน้ากันแค่วันละไม่กี่ชั่วโมงแกกับเค้ายังหาเรื่องมาทะเลาะกันได้บ่อยๆ ยิ่งพอได้มาใช้เวลาอยู่ด้วยกันวันละมากกว่าสิบชั่วโมงมันก็ทำให้ต่างคนต่างเห็นตัวตนของกันและกันมากยิ่งขึ้น ไม่แปลกหรอกที่ความไม่เข้าใจกัน ความขัดแย้งระหว่างแกกับเค้ามันจะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว แกก็ลดรานิสัยเอาแต่ใจตัวเอง แล้วยอมๆลงให้เค้าบ้างสิ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็งอน หัดยอมเป็นฝ่ายแพ้ให้เค้าซะบ้างสิ”
กล่อมส่ายหน้าช้าๆหันมามองเพื่อนอย่างเต็มตา ความปวดร้าวในดวงตาคู่เศร้าฉายชัดให้ลัลเห็น หญิงสาวเดินเข้าไปโอบกอดเพื่อนรักไว้อย่างอาทร ลัลไม่เคยเห็นกล่อมอ่อนแอเท่าตอนนี้มาก่อนเลย แม้ความเจ็บปวดของกล่อมจะเดินทางไปไม่ถึงหยดน้ำตาในนาทีนี้ แต่มันได้เดินทางมาสู่หัวใจของลัลด้วย ถ้าหากสามารถทำได้เธอ อยากที่จะแบ่งเบาความเจ็บร้าวนั้นมาบ้าง ลัลไม่ต้องการเพียงแค่รับรู้ แต่อยากที่จะรู้สึกรู้สาไปพร้อมๆกับกล่อม
“โปมีคนอื่น”
เพียงแค่ไม่กี่พยางค์เท่านั้น แต่กล่อมกลับเอ่ยมันออกมาอย่างลำบากยากเย็น แล้วหยดน้ำใสๆก็ทิ้งตัวลงเปื้อนบริเวณหลังมือของลัล
หลายครั้งแล้วที่กล่อมทะเลาะกับคนรักรุนแรงจนถึงขั้นต้องพาตัวเองหนีมาพักอยู่กับลัล รอจนจิตใจของทั้งคู่สงบลงจึงกลับไปนับหนึ่งด้วยกันใหม่ ทำคล้ายกับว่าไม่เคยมีความขัดแย้งอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อทะเลาะกันอีกหนกล่อมก็มักจะเป็นฝ่ายขุดคุ้ยเอาเรื่องเก่าๆขึ้นมาถกเถียงเพื่อเอาชนะ
แม้กล่อมจะบอกกับใครต่อใครว่าตัวเองเอาแต่ใจน้อยที่สุดแล้ว งี่เง่าน้อยที่สุดแล้ว พยายามเอาชนะน้อยที่สุดแล้ว เรื่องมากน้อยที่สุดแล้วกับโป ซึ่งนับเนื่องเป็นคนนอกเงื่อนไขความสัมพันธ์แบบเพื่อน แต่ในความเป็นจริงที่คนรอบข้างมองเห็นคือกล่อมไม่เคยลดทอนความเป็นตัวเองลงให้กับโปเลย
และเหตุผลของการมาตัวเปล่าในสภาพที่เมามายของกล่อมหนนี้เมื่อหลายคืนก่อนก็ทำให้ลัลแปลกใจ
“โปบอกกับฉันเองว่าตอนนี้เค้ามีคนอื่น ฉันไม่มีความจำเป็นต่อชีวิตของเค้าแล้ว”
แรงถอนสะอื้นนั้นทำให้น้ำเสียงของกล่อมสั่นพร่า กล่อมรักและหวงแหนโปมากเพราะเธอได้ตัวของเขามาอย่างยากลำบาก แม้ว่ากล่อมจะไม่แน่ใจนักว่าได้หัวใจของโปมาด้วยหรือเปล่าแต่กล่อมก็ดีใจที่ได้ใช้ชีวิตช่วงหนึ่งร่วมกับโป และตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยทรยศต่อเงื่อนไขของคำว่าคนรักกัน ไม่เคยมีคนอื่นถึงแม้ว่าหลังจากที่ตกลงคบหากันแล้วกล่อมจะไม่ได้ตามไปนั่งเฝ้าเขาระหว่างเล่นดนตรีที่ร้านเหล้าอีกเลยก็ตาม
“ทำไมจู่ๆเค้าถึงได้บอกแกแบบนั้นล่ะ?”
“ฉันเล่าเรื่องของพี่ธรรม์ให้เค้าฟัง ฉันไม่อยากที่จะมีเรื่องปิดบังโกหกเค้าอีกต่อไป มันเจ็บนะเวลาที่เค้าพูดว่าอย่าโกหกเค้า เค้าเกลียดการโกหก ฉันไม่รู้นะว่าทำไมโปถึงได้มองฉันเลวร้ายนักหนา สรรหาเรื่องมาโกหกเค้าได้สารพัด คงโดนแฟนเก่ากับเพื่อนๆเป่าหูเอาไว้เยอะ”
ปลายเสียงของกล่อมเจือความสะใจที่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็เอาชนะคนรักเก่าของโปจนได้ แม้ว่าจะโดนกลั่นแกล้งอยู่หลายครั้งแต่กล่อมก็เลือกที่จะนิ่งเฉยทั้งๆที่รู้ทันในแผนการเหล่านั้นก็ตาม แล้วการกระทำแบบนี้ของกล่อมก็ทำให้ถูกหมั่นไส้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะโปมักจะเข้าข้างกล่อมแทบทุกครั้งที่ได้รับรู้เรื่องราวจากปากคำของกล่อมเองที่เก็บเอาไปฟ้อง นั่นแหละที่ทำให้คนรักเก่าของโปกับเพื่อนๆเกลียดกล่อมนักหนา
“ฉันก็เลยตัดสินใจพูดความจริงให้เค้าฟังในทุกๆเรื่อง”
“รวมทั้งเรื่องของพี่ธรรม์เนี่ยนะ”
ลัลไม่รู้ว่าควรจะเห็นใจหรือสมน้ำหน้ากับการตัดสินใจครั้งนี้ของกล่อมดี หลายครั้งที่ลัลบอกให้กล่อมตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างธรรม์ซะ ถ้าหากกล่อมรักและเลือกที่จะใช้ชีวิตกับโป แต่กล่อมก็ไม่เคยคิดที่จะทำทั้งๆที่ทั้งธรรม์และกล่อมต่างก็มีคนของตัวเองที่ต้องแคร์ต้องใส่ใจในฐานะคนรัก และความสัมพันธ์นั้นก็ต้องเป็นความลับอย่างที่สุด แต่มันกลับราบรื่นและยืนยาวมากกว่าความสัมพันธ์ที่มีต่อโป
“คืนนั้นโปไม่ต้องไปเล่นดนตรี เราก็เลยได้ทำกับข้าวกินกันที่บ้านแล้วออกมานอนปูเสื่อมองฟ้าตอนกลางคืนที่หน้าบ้าน มันน่าจะมีความสุขดีใช่มั้ยล่ะ... แล้วเค้าก็พูดเรื่องที่ฉันไปกินเหล้ากับเพื่อนเมื่อคืนก่อนแล้วโกหกว่าไปค้างบ้านแม่ขึ้นมา ตัดพ้อต่อว่าที่ฉันโกหกเค้า ฉันก็เลยตัดสินใจที่จะบอกความจริงในทุกๆเรื่อง ทั้งๆที่พยายามทำใจแล้วนะว่าการตัดสินใจครั้งนี้มันอาจจะทำให้ฉันสูญเสียเค้าไป แต่เพราะคำสัญญาของโป สัญญาปากเปล่าที่เค้าพูดตอนนั้นว่าเค้าจะยอมรับในความจริงที่ฉันกำลังจะพูด จะไม่โกรธ จะไม่เกลียดกัน นั่นแหละที่ทำให้ฉันอุ่นใจและกล้าหาญมากขึ้น”
กล่อมสูดลมหายใจเข้าให้ลึกที่สุดก่อนที่จะค่อยๆระบายมันออกมาช้าๆ เพื่อขับไล่แรงสะอื้น ลัลเกลี่ยซับรอยหยดน้ำจางๆที่เปื้อนหน้าให้เพื่อนรักก่อนจะถอยร่นตัวเองกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมของตน เมื่อเห็นว่ากล่อมแข็งแรงขึ้นบ้างแล้ว
“ทันทีที่เล่าจบโปก็เงียบไปพักใหญ่ นิ่งเงียบ เฉยเมยจนฉันไม่สามารถคาดเดา วัดหยั่งความรู้สึกของเค้าได้เลย ตอนนั้นฉันสับสนไปหมดเลย อยากจะหายตัวไปจากตรงนั้นเลยด้วยซ้ำไป ไม่รู้ว่าถ้าหากเค้าลุกขึ้นแล้วขับรถออกไปจากบ้านในนาทีนั้นฉันจะทำยังไง แล้วแกเดาออกมั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น”
ลัลส่ายหน้าช้าๆคลี่ยิ้มบางๆแทนคำตอบ เมื่อเห็นเพื่อนยังไม่มีทีท่าว่าจะเล่าต่อ ก็ลุกเดินเอาชามโจ๊กเปล่าของตัวเองเข้าไปเก็บในครัว ไม่กี่นาทีถัดมาลัลก็กลับมานั่งลงที่เดิมพร้อมแก้วใส่นมสดสำหรับเพื่อนรัก
“หลายนาทีกว่าเค้าจะเอื้อมมือมาขยี้ผมของฉันเบาๆ”
กล่อมรับแก้วนมอุ่นๆจากมือของลัลมาดื่ม ก่อนจะเล่าเรื่องต่อด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิม
“ตอนนั้นโปบอกกับฉันว่าเขารับได้ที่ฉันเคยนอนกอดคนอื่นมาก่อน แล้วซักไซ้ไล่เรียงเกี่ยวกับธรรม์ต่ออีกหลายข้อซึ่งฉันไม่อยากที่จะพูดถึง เพราะฉันแทบไม่รู้จักธรรม์เลยสักนิด ด้วยความคิดที่ว่าฉันไม่ได้รักเค้าฉันจึงไม่จำเป็นต้องรับรู้ประวัติเค้ามากมาย ไม่ต้องใส่ใจว่าอะไรที่ธรรม์ชอบ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใส่เสื้อผ้าไซส์ไหน สำหรับธรรม์แล้ว เขาก็เป็นแค่ต้นไม้ใหญ่ที่ฉันได้อาศัยร่มเงาให้ชื่นใจหายเหนื่อยเท่านั้น โดยที่ฉันไม่ต้องแคร์ว่าเค้าจะรู้สึกยังไง ไม่ต้องเอาใจใส่ ซึ่งแตกต่างจากโปโดยสิ้นเชิง ตอนนั้นฉันดีใจนะที่ได้ยินจากปากของเค้าว่ารับได้ ถึงแม้โปจะไม่ได้เอ่ยปากขอร้องแต่ในนาทีนั้น ฉันก็สัญญากับตัวเองว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์ของฉันกับธรรม์ซะที ฉันลบเบอร์ของธรรม์ออกจากมือถือและตั้งใจว่าถ้าหากธรรม์ไม่ยอมรับกติกาข้อสุดท้ายของความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเค้า ฉันก็จะเปลี่ยนเบอร์มือถือ”
ลัลนั่งเท้าคางฟังเพื่อนอย่างตั้งอกตั้งใจ แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีร่องรอยน้ำตาให้เห็นแล้ว แต่ความว่างเปล่า เหว่ว้าในดวงตาก็ฟ้องชัดว่ากล่อมรักโปมากแค่ไหน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คนเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดของคนรักอย่างกล่อม จะใช้ชีวิตในทุกๆวันได้โดยที่ไม่ต้องคิดถึงและเป็นห่วงโป
“คืนต่อมาที่โปไปเล่นดนตรีเค้าไม่ได้ขับรถไป แล้วโปก็หายไปสองคืนบอกว่าไปเล่นดนตรีที่พัทยากับเพื่อน ฉันก็ทำความเข้าใจไว้อย่างนั้นจนกระทั่งโปนั่งแท็กซี่กลับมาในตอนเช้าพร้อมกับผู้หญิงคนนึง ซึ่งไม่ว่าฉันจะพยายามมองยังไง ก็มองไม่เห็นว่าเธอจะเหมือนผู้หญิงหากินตรงไหน แล้วฉันก็เลือกที่จะไม่ถามที่มาของเธอด้วย แต่โปเป็นคนเดินมาบอกกับฉันเองว่าสองคืนที่หายไป เค้าไปนอนกับผู้หญิงคนนี้มา ฉันไม่รู้ว่าเค้าทำแบบนั้นลงคอได้ยังไงกัน ทำไมเค้าถึงได้ใจร้ายนัก”
ปลายเสียงสั่นพร่า แล้วความเจ็บปวดของกล่อมก็กลั่นตัวเป็นน้ำตาอีกหน หญิงสาวฟุบหน้าลงร้องไห้ ลัลทำได้เพียงนั่งนิ่ง จำนนต่อถ้อยคำปลอบโยน ถึงแม้ว่าลัลจะรู้จักกับโปในแบบที่เพียงแค่เห็นหน้าและทักทายกันไม่กี่ครั้ง แต่ลัลก็พอจะคาดเดาได้ว่าโปจะรู้สึกเจ็บปวดแค่ไหนที่ได้รู้ว่าคนรักที่ตัวเองนอนกอดอยู่ทุกคืน ยังคงกอดกับคนอื่นอยู่ด้วย ถึงแม้ว่าอ้อมกอดนั้นจะไม่ได้มีชื่อว่าความรักก็ตาม
“บางทีเค้าอาจจะแค่ต้องการประชดแกเท่านั้นล่ะมั้ง แกได้ถามเค้ามั้ยล่ะว่าทำไม”
กล่อมส่ายหน้า ใช้มือปาดป้ายน้ำตาที่เปื้อนเต็มหน้า พลางถอนสะอื้น
“วันนั้นไม่ใช่วันแรกที่เราตะโกนใส่หน้ากัน แต่วันนั้นเป็นวันแรกที่เค้าเป็นฝ่ายขุดคุ้ยเอาเรื่องของธรรม์ขึ้นมาพูดกับฉันก่อน ลัลรู้มั้ยมันเจ็บปวดมากแค่ไหน ฉันรู้สึกอยากตายลงไปตอนนั้น ในนาทีนั้นเลยด้วยซ้ำ ดีกว่ายืนเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดที่โหดร้ายทารุณนั่น ก่อนออกจากบ้านมา ฉันขอร้องโปว่า ถ้าหากยังมีความรู้สึกดีๆต่อกันหลงเหลืออยู่บ้าง อย่าขับรถที่เราซื้อด้วยกันให้คนอื่นของเค้านั่ง และอย่าพาคนอื่นของเค้าเข้าไปนอนในห้องที่เรานอนด้วยกัน เพราะฉันไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร”
“แต่แกกับเค้าก็ยังไม่ได้เลิกรากันไม่ใช่เหรอกล่อม บางทีพอใจเย็นลงแล้วอะไรๆมันคงจะดีขึ้นนะ”
“อาทิตย์นึงเต็มๆแล้วนะลัลที่ฉันออกจากบ้านมา มันมีอะไรดีขึ้นบ้าง ไม่มีเลยสักนิด ยิ่งฉันใจเย็นลงมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดมากเท่านั้น แล้วก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกอยากเกลียดโปมากขึ้นด้วย เมื่อคืนนี้เค้าคงนอนกอดอยู่กับคนอื่น คนอื่นที่ไม่งี่เง่า เรื่องมากเหมือนกับฉัน แล้วในชีวิตกว่าสามสิบปีที่ผ่านมาของเค้าน่ะ มีผู้หญิงสักกี่คนกันเชียวที่ยอมอดนอนนวดเท้าให้เค้าจนหลับได้ทุกคืนแบบฉันน่ะ ถึงฉันจะเป็นคนรักที่ไม่เอาไหนแต่ฉันก็พยายามที่จะทำมันให้ดีที่สุดแล้วนะ ถ้าหากเค้าเห็นว่ามันไม่มีคุณค่าฉันก็รู้สึกว่าไม่อยากที่จะทำมันอีกต่อไปแล้วล่ะ”
“กล่อม”
ลัลทอดปลายเสียงอย่างอาทร ลัลไม่อยากที่จะคาดเดาในการกระทำต่อไปของกล่อม บางทีความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้าสู่ความรู้สึกของกล่อมตอนนี้ อาจจะทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างกล่อมเข้มแข็งมากขึ้นอย่างที่ไม่มีใครคาดถึง
“นั่นแกจะทำอะไรของแกน่ะ คิดให้ดีๆนะ”
“ฉันคิดดีที่สุดแล้วลัล อาทิตย์นึงที่ผ่านมา ไม่มีนาทีไหนเลยที่ฉันไม่ได้คิดทบทวนถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับโป ไม่มีเลยจริงๆ”
ซิมการ์ดถูกถอดออกจากมือถือ กล่อมจ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆหย่อนมันลงในแก้วนมที่พร่องไปกว่าครึ่งแก้ว แม้รู้ว่าสามารถที่จะขอซิมการ์ดใหม่ซึ่งใช้ได้กับเบอร์เดิมจากศูนย์บริการ แต่ลัลเชื่อว่าคนที่เกลียดความยุ่งยากและการเสียเวลารอคอยอะไรนานๆอย่างกล่อม เป็นไปได้ยากที่เธอจะเดินทางไปที่ศุนย์บริการเพื่อยื่นขอคำร้องนั้น เพียงเพราะความคาดหวังลมๆแล้งๆว่าโปจะติดต่อกลับมาที่เบอร์เดิม
กล่อมยืนมองเงาตัวเองในกระจกอย่างอารมณ์ดี สีผมที่อ่อนลงทำให้ใบหน้าของเธอดูสดใสมากขึ้น ยิ่งได้ช่างแต่งหน้าฝีมือดีอย่างลัลช่วยเติมสีเครื่องสำอางลงไปนิดหน่อย ยิ่งทำให้กล่อมดูสวยและอ่อนหวาน ไม่เหลือเค้าของคนอกหักให้ใครเห็น รอยยิ้มของกล่อมทำให้ลัลพลอยรู้สึกดีตามไปด้วย
“พาฉันไปตลาดน้ำหน่อยสิแก ฉันอยากกินก๊วยเตี๋ยวเรือ”
“อะไรนะ?”
กล่อมหัวเราะคิกเมื่อเพื่อนร้องถามซ้ำอย่างแปลกใจ และทำตาโตอย่างไม่เชื่อหูของตัวเอง
“พาฉันไปตลาดน้ำหน่อย ได้ยินชัดมั้ยยัยลัล”
หนนี้กล่อมแกล้งตะโกนใส่หูลัลดังๆแล้วหัวเราะลั่น
“แกจะไปตลาดน้ำทั้งชุดนี้จริงๆน่ะเหรอ แกจะเปลี่ยนใจก็ยังทันนะกล่อม เสื้อผ้าฉันแกก็ใส่ได้นี่หว่า ถือว่าฉันขอร้องก็ได้นะ”
แต่ไม่ว่าลัลจะออดอ้อนขอร้องให้กล่อมเปลี่ยนเสื้อผ้ายังไง กล่อมก็ยังคงยืนกรานที่จะไปเดินเล่นที่ตลาดน้ำด้วยชุดมินิสเกิร์ตหนังสีน้ำตาลตัวสั้นกับเสื้อกล้ามสีขาวลายสวย ซึ่งเป็นชุดเดียวกันกับเสื้อผ้าที่เธอในคืนที่เมามาย ลัลกลัวว่าแม่ค้าพ่อค้าจะเป็นตากุ้งยิงกันทั้งคลองแต่ก็ไม่อาจทัดทานความดื้อรั้นของกล่อมได้
“เผื่อจะมีฝรั่งตาบอดมาจีบฉันมั่งไงล่ะแก”
กล่อมแกล้งเย้าแหย่เพื่อนขณะเดินออกมาเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน รถโฟล์คสีขาวคนหนึ่งที่เพิ่งขับมาจอดตรงหน้าฉุดดึงให้เธอต้องช้อนสายตาขึ้นมอง ทันทีที่เห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับ กล่อมก็หันหลังเดินก้าวเท้าเร็วๆกลับเข้าไปในบ้าน
“กล่อม คุยกันก่อนสิกล่อม”
“กล่อมคงยังไม่ต้องการเห็นหน้านาย มาทำไมป่านนี้ รู้ก็รู้ว่ากล่อมไม่ชอบที่จะรอคอยอะไรนานๆ”
น้ำเสียงแข็งๆของลัลชะงักฝีเท้าของโปที่กำลังจะถือวิสาสะก้าวตามกล่อมเข้าไปในบ้าน ลัลไม่สนใจว่าตลอดระยะเวลาหลายวันที่ไม่ได้ติดต่อกันเลยนั้น โปจะรู้สึกคิดถึง เป็นห่วง ว้าวุ่น สับสน ปวดร้าวบ้างรึเปล่า แต่เธอเห็นอยู่กับตาว่าเพื่อนของเธอเจ็บปวดมากแค่ไหน และเธอก็ไม่อาจดูดายได้ลงคอ
“ขอเข้าไปคุยกับกล่อมได้มั้ย”
ลัลรุ้สึกเห็นใจเขาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน อย่างน้อยเขาก็น่าจะได้รับการให้อภัยในฐานะที่เพิ่งทรยศต่อคำว่าคนรักของกล่อมเป็นครั้งแรก แต่เธอไม่สามารถตัดสินใจแทนเพื่อน
“ขอร้องล่ะนะ กว่าเราจะตามหากล่อมเจอแทบแย่ เรารื้อค้นหาทางติดต่อกับเธอจากสมุดหนังสือของกล่อมจนบ้านรกไปหมด กว่าจะได้ที่อยู่ของเธอจากนามบัตรที่สอดอยู่ในหนังสือเล่มเล็กๆที่เธอซื้อให้กล่อมเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อหลายปีก่อน ก็เสียเวลาไปหลายวัน ขอให้เราได้คุยกับกล่อมเถอะนะ”
“เดี๋ยวเราจะไปถามกล่อมให้ละกันนะ”
ลัลตั้งใจล็อคประตูรั้วไว้อย่างเดิม เพื่อเป็นการบ่งบอกว่าโปไม่ควรบุกรุกเข้าไปข้างในบ้าน ถ้าหากกล่อมไม่ได้อนุญาติ เพราะภายในพื้นที่ไม่กี่สิบตารางเมตรนั้นไม่ได้เป็นเพียงบ้านของลัลเท่านั้น แต่มันยังเป็นพื้นที่ส่วนตัวของกล่อมด้วย
นานเหลือเกินในความรู้สึกของโป กว่าลัลจะเดินกลับออกมาอีกครั้ง พร้อมกับยื่นมือถือของตัวเองให้กับโป
หน้าจอมือถือมีรอยหยดน้ำเปื้อนอยู่ก่อนแล้วเพราะหยดน้ำตาของคนที่พิมพ์ข้อความ แม้ว่าคนอ่านจะไม่ได้ทำหยดน้ำตาของตัวเองหล่นลงไปซ้ำ แต่ข้อความพวกนั้นก็ทำให้โปรู้สึกไม่อยากที่จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว
...ขอโทษที่อ้อมแขนของฉันกอดคนอื่น แต่หัวใจของฉันมีไว้เพื่อรักเธอเท่านั้น และฉันก็ใจแคบเกินกว่าที่จะใช้คนที่ฉันรักร่วมกับคนอื่นเช่นกัน...
แม้ว่ามือถือจะถูกส่งคืนให้กับลัลไปนานหลายนาทีแล้ว แต่ตัวหนังสือที่กล่อมพิมพ์ฝากมาให้เขาอ่านก็ยังคงตามมาปรากฏตรงหน้าของโป ชายหนุ่มค่อยๆเหยียบคันเร่งแรงขึ้น เพื่อที่จะให้ตัวหนังสือพวกนั้นตามเขาไม่ทัน แต่ไม่ว่าโปจะเพิ่มความเร็วให้กับรถสักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถหนีพ้น เพราะสิ่งที่เขากำลังพยายามเอาชนะคือความรู้สึกผิดบาปของตัวเองที่คิดแก้แค้นเอาคืนกับการกระทำของกล่อม โดยที่ไม่ทันได้ฉุกคิดว่านั่นคือการทำร้ายคนที่รักเค้าอย่างรุนแรง และทำร้ายหัวใจของตัวเองไปพร้อมๆกัน
ทันทีที่กล่อมก้าวออกจากบ้านวันนั้น โปก็ออกปากไล่ผู้หญิงขี้เหงาที่ตามไปนั่งเฝ้าเขาที่ร้านเหล้าแทบทุกคืนคนนั้นกลับไป เขาไม่ได้ไปหลับนอนกับเธออย่างที่บอกกับกล่อม สองคืนที่เขาหายไปเพราะเมามายอยู่กับเพื่อนด้วยความปวดร้าวที่ได้รู้ว่าคนที่รักเขา เอาใจใส่เขาอย่างดีมาตลอดห้าปีอย่างกล่อมมีคนอื่นอยู่ตลอดเวลา มันทำให้ความเชื่อมั่นว่า เขาไม่มีวันที่จะสูญเสียกล่อมให้กับคนอื่นที่เคยมีตลอดมาพังทลายลงอย่างราบคาบ
...สิ่งที่กล่อมทุ่มเทให้กับเขาตลอดมา ทำให้เขาประเมินคุณค่าของตัวเองสูงเกินไป...
จิตสำนึกสุดท้ายของโปบอกอย่างนั้น ก่อนที่แรงกระแทกจะทำให้ถ้อยคำของกล่อมที่ตามหลอกหลอน และความรู้สึกสำนึกผิดทั้งหมดทั้งมวลที่ถาโถมเข้าใส่เขา กระจัดกระจายไปพร้อมๆกับร่างไร้สติที่ฟุบลงหลังพวงมาลัย
..... ..... .....




All Rights Reserved.
2006 Copyright©Nanthanatcha Cheusuwan
------------------------------------------