วันจันทร์, ธันวาคม 04, 2549

Love you,Love your dog

ฉันไม่ใช่คนรักหมา ไม่เคยมีความคิดอยากเลี้ยงหมาอยู่ในสมอง เพราะฉันเห็นว่ามันแสนจะน่ารำคาญและมีนิสัยน่าเกลียด ความน่ารำคาญก็อย่างตอนที่เป็นหมาเด็กอ่ะ... มันชอบส่งเสียงร้องหงิงๆเวลาคนจะนอนแล้วใครจะไปหลับลงล่ะ มัดปากไว้ด้วยเชือกแล้วก็ยังหยุดยั้งเสียงมันไม่ได้ พอโตขึ้นมาเป็นหมาผู้ใหญ่ก็ชอบเห่ามั่วตั้ว แถมฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องอีกต่างหาก (ก็มันเป็นหมานี่หว่า...) จนเค้าพูดกันว่าหมาชอบเห่าใบตองแห้งไง ความน่าเกลียดของมันก็คือชอบเลียหน้าคน ไม่รู้ตัวบ้างรึไงนะว่าน้ำลายน่ะเหม็น ฉันก็เลยไม่ชอบเล่นกับหมาเพราะไม่อยากโดนหมาเลียปาก
แต่แล้ววันหนึ่ง ฉันก็ถูกมัดมือชกให้เลี้ยงหมา (โอ้ว...จอร์จมันแย่มากเลย) ชีวิตต้องประสบวิบากกรรมครั้งใหญ่ เมื่อสุดที่รักของฉันกระเตงเอาน้องหมามาฝากเลี้ยง เพราะต้องไปทำงานต่างจังหวัดนานถึงสองเดือน ด้วยความที่ไม่อยากพาน้องหมาไปลำบากลำบนขาดคนดูแล ก็เลยเอามาฝากไว้ในความดูแลของคนที่ไว้ใจที่สุดคือฉัน โหย...ปลื้ม น้ำตาแทบไหลเป็นสายเลือดเลยฉัน หาเหตุผลมาขับไล่ไสส่งภาระอันน่าขยะแขยงนี้สารพัด แต่แล้วในที่สุดก็พ่ายแพ้ต่ออานุภาพของความรัก กัดฟันรับน้องหมามาดูแล เอาประโยค Love you,Love your dog เข้าข่ม
น้องหมาของสุดที่รักชื่อ ปุ๊กกี้ (ทั้งที่มันเป็นผู้ชายเนี่ยนะ) ตัวเล็ก หน้าสั้น สายพันธุ์อะไรก็ไม่รู้ ด้วยความไม่อยากรู้จักมักจี่ของฉันน่ะแหละ ที่เป็นผลให้ฉันไม่ได้เว้นรอยหยักในสมองไว้สำหรับอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับหมา ทั้งที่มีปรมาจารย์หมาอย่างสุดที่รักคอยพร่ำกรอกหูอยู่ทุกวี่ทุกวัน
พื้นเพเดิมของปุ๊กกี้เป็นหมาผู้ดี นอนห้องแอร์ กินแต่อาหารอัดเม็ดสำเร็จรูป ต้องอาบน้ำแปรงขนทุกวัน ทำสวย เริ่ด เชิด หยิ่ง จนฉันหมั่นไส้ พอมันตกมาอยู่ในเงื้อมมือฉัน ชีวิตของมันก็พลิกผันทันที ปุ๊กกี้ได้ลิ้มรสชาติเดิมๆของอาหารหมาแค่สองมือเท่านั้นแหละ ทั้งที่เจ้าของมันหอบหิ้วมาทิ้งไว้ให้ตั้งกระสอบ เพราะฉันสรุปเอาเองว่ามันคงเริ่มเบื่อความจำเจของแต่ละมื้อแล้วและจัดการเทกับข้าวที่เหลือๆ (บางทีมีบูดด้วยนะ ขอบอก...) เทรวมกันคลุกข้าวให้มันกิน มื้อแรกปุ๊กกี้นั่งจ้องชามข้าวอยู่นานมากราวกับจะพยายามสะกดจิตให้ข้าวเน่าๆในชามกลายเป็นอาหารหมาของโปรดให้จงได้ ก้มลงไปดมแล้วดมอีกจนแน่ใจว่าฝันไม่มีทางเป็นจริง ก็หลับหูหลับตากินด้วยความยอมรับในชะตากรรม
แต่ฉันก็ไม่ได้ใจร้ายไส้ระกำถึงขั้นให้ปุ๊กกี้กินข้าวเน่าแกงบูดทุกมื้อหรอกนะ ก็แหม... ปุ๊กกี้มีตำแหน่งเป็นถึงหัวแก้วหัวแหวนของสุดที่รักเชียวนะ ขืนมันเป็นอะไรไปคามือฉันล่ะก็สัมพันธ์สวาทคงขาดสะบั้น ดังนั้นบางมื้อฉันก็เอาข้าวหุงสุกใหม่ๆคลุกกับแกงเผ็ดร้อนๆให้ปุ๊กกี้ กลิ่นงี้หอมหวนชวนกิน มันก็รี่เข้าไปขย้ำกินอย่างไม่รีรอ แล้วฉับพลัน...ก็ร้องเอ๋งๆเพราะเจอความเผ็ดร้อนเข้าไปเต็มปาก (ไอ้หมาโง่เอ๊ย...) ปุ๊กก๊ถอยกรูดออกมาตั้งหลักอยู่แป๊บนึง ก่อนจะก้าวเข้าไปหาชามข้าวอีกครั้ง ทิ้งระยะห่างประมาณครึ่งเมตร หมอบลงแล้วตั้งหน้าตั้งตาเห่าอย่างเอาเป็นเอาตาย มันคงเห็นชามข้าวมื้อนั้นเป็นศัตรูตัวร้าย จะกัดก็ไม่ได้เดี๋ยวปากพอง เลยทำตัวเป็นหมาเห่าข้าวร้อนไปซะงั้น
ปุ๊กกี้มาอยู่บ้านฉันได้หลายวัน แต่มันก็ไม่เห็นวี่แววว่าฉันจะเรียกอาบน้ำสักที นอนรอในห้องน้ำก็แล้ว เสนอหน้าตอนล้างรถก็แล้ว ยังไม่เป็นผลสำเร็จสักที เหมือนปุ๊กกี้จะเริ่มเรียนรู้แล้วว่าอยู่บ้านฉันต้องใช้ชีวิตแบบบุฟเฟ่ต์ อยู่มาวันหนึงปุ๊กกี้ก็พบว่ามีสวนน้ำ สวนสนุกสำหรับมันอยู่หลังบ้าน เป็นสวนมะนาวของบ้านฉันเอง มีท้องร่องน้ำลึกไม่ถึงเมตร มันลงไปวิ่งคึ่กๆในท้องร่องนั่นแหละ ด้วยความอดรนทนรอฉันจับอาบน้ำไม่ไหวมั้ง ลงไปดำผุดดำว่าย อาบน้ำดิน แช่น้ำโคลนอยู่ครึ่งต่อนวัน แล้ววิ่งแร่เอาเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยโคลนตมเหม็นๆมาอวดอย่างหน้าชื่นตาบาน แต่ฉันงี้ลมแทบใส่ เพราะนึกภาพสุดที่รักมาเจอน้องหมาของเค้าในสารรูปนี้แล้วสยอง ต้องกุลีกุจอจับมันมาอาบน้ำล้างกลิ่นโคลนสาบหมาเน่าให้จ้าละหวั่น ปุ๊กกี๊ออกอาการติดอกติดใจสวนน้ำหลังบ้านด้วยการแอบไปบ่อยๆ แรกๆก็ไปตัวเดียวลำพัง พอระยะหลังเริ่มมีพวก ทำตัวเป็นหัวหน้าแก๊งพาบรรดาหมาๆของเพื่อนบ้านไปสนุกกันเนขบวน เฮ้อ...รู้งี้อาบน้ำให้มันไปนานแล้ว จะได้ไม่ต้องทนอาบน้ำให้สกั้งกลับกลายร่างเป็นหมาเหมือนเดิม
ทั้งที่ปุ๊กกี้เป็นหมาที่น่ากลั่นแกล้งที่สุดในละแวกนั้น แต่น่าแปลกที่มันกลับสนทสนมกลมเกลียวกับพวกหมาตัวโตๆของเพื่อนบ้านเป็นอย่างดี ทั้งๆที่เคยเห็นเวลามีหมาพลัดถิ่นเข้ามาในรัศมีการปกครอง เจ้าพวกนี้จะไล่ฟัดเละเป๊ะทุกที แต่มันกลับปล่อยให้ปุ๊กกี้ลอยนวล ลอยหน้าลอยตา ยืดอกเข้าบ้านนี้ออกบ้านนั้น ขอข้าวขอขนมประจบประแจงเค้าไปทั่วจนฉันแทบจะต้องมุดแผ่นดินหนีหน้าประชาชีละแวกบ้าน ด้วยความอับอยเพราะคำครหาเลี้ยงหมาอดๆอยากๆ ฉันก็เลยต้องสรรหาขนมดีๆมาให้มัน แล้วตะโกนเรียกให้ได้ยินกันทั้งตำบลว่า ...ปุ๊กกี๊มากินป๊อกกี้มา เร็ว...ให้มันรับรู้โดยทั่วหน้าว่าขนมดีๆบ้านฉันมี แต่ไม่อยากให้ปุ๊กกี้กินอ่ะ...มีอะไรมั้ย แบบว่าหมั่นไส้ในความเป็นหมาผู้ดีของมันเท่านั้นเอง
พ่อแม่พี่น้องที่โดนบังคับขู่เข็ญให้ลองลิ้มชิมรสอาหารที่ฉันทำยามครื้มอกครื้มใจ ต่างพูเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เอาถ่านเสียเลย!!! (ก็แน่ล่ะ...ในเมื่อฉันใช้เตาแก๊ส) แล้วฉันก็ต้องนั่งกล้ำกลืนฝืนกินด้วยความเสียดายหมู เห็ด เป็ด ไก่ ที่ฉันจับมาปู้ยี่ปู้ยำ พอมีปุ๊กกี้มาอยู่ด้วยฉันก็เกิดความคึกคะนองลองทำอาหารขึ้นมาอีก ขวนขวายหาสูตรข้าวผัดอเมริกันมาอย่างดิบดี ลงมือทำ ปรุงตามสูตรที่เค้าว่าไว้ในตำราเป๊ะๆ พอทำสร็จก็ภูมิอกภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะหน้าตาน่าทานมากๆ กลิ่นหอมฟุ้งจนข้างบ้านร้องทักเชียวล่ะ กะว่าประเดี๋ยวจะตักไปอวดสักจาน แต่ขอชิมฝีมือตัวเองก่อนนะ แค่คำแรกเท่านั้น ฉันก็ได้พบสัจธรรมของความกินไม่เข้า รีบคายออกมาแทบไม่ทัน ไม่รู้สูตรเค้าไม่ดีหรือฝีมือฉันมันห่วยจนสุดกู่ก็ไม่แน่ใจ รสชาติถึงได้ออกมาพิกลพิการจนไม่สามารถอธิบายได้ แต่ฉันก็ยังมีความหวังเมื่อหันไปเห็นปุ๊กกี้นั่งลอยหน้า กระดิกหางดิกๆรออย่างใจจดใจจ่อมาตั้งแต่ฉันเริ่มลงมือทำ (คือมันยังไม่ได้กินข้าวอ่ะนะ...เรื่องของเรื่อง) ฉันก็รีบใจดียกไปเทให้มันทั้งกระทะ ปุ๊กกี้รีบปราดเข้าไปกิน แต่ไม่รู้เคี้ยวภาษาอะไรข้าวร่วงออกมาหมด มันก้มลงไปกินอีกแต่ก็เหมือนเดิม เหมือนมันจะเลียๆเม็ดข้าวค้นหาความอร่อย แต่เมื่อไม่พบ มันก็ถอยออกไปนอนมองทำตาละห้อย ส่ายหางดิกๆคล้ายพยายามจะบอกว่า ...หนูพยายามแล้วนะ...แต่ไม่ไหวจริงๆ... หน้ามันงี้ดูออกเลยว่าผิดหวังแบบสุดๆคะยั้นคะยอแทบตายมันก็เมินหน้าหนี ฉันงี้อยากเตะมันสักป๊าบจริงๆโทษฐานมาการันตีว่าฝีมือการทำอาหารของฉันเลิศเสียจนสุนัขไม่รับประทานดีนัก
ไม่รู้ว่าถ้าปุ๊กกี้พูดได้ มันจะฟ้องเจ้าของมั้ยว่าระหว่างสองเดือนที่อยู่กับฉัน ชีวิตมันผจญอะไรมาบ้าง นี่ถ้าไม่ได้ความเอ็นดูจากแม่ที่เจียดเวลามาเอาใจใส่มันและคอยห้ามไม่ให้โดนรังแก ปีกกี้คงเหลือแต่ซากไว้อวดเจ้าของ ตอนที่มันเห็นหน้าสุดที่รักของฉันที่มารับกลับไปสู่ความเป็นหมาผู้ดีนะ หูย...กระโดดตัวลอยแบบดีใจสุดๆแต่มีคนดีใจกว่ามันอีกนะ ก็ฉันไง! เหมือนได้ยกเอาภูเขาหิมาลัยออกจากอก หมดเวรหมดกรรมกันซะที...ดีใจจัง
แต่พอปุ๊กกี้ไม่อยู่ ชีวิตฉันมันก็ดูขาดๆเกินๆยังไงชอบกล ไม่กล้ากินกับข้าวหมด กลัวไม่มีคลุกข้าวทั้งที่ไม่รู้จะให้ใครกิน คันไม่คันมือจนต้องยืมหมาข้างบ้านมาอาบน้ำ แลกกับการโดนมันเลียหน้าเลียปาก ผ่านซุปเปอร์มาร์เก็ตเมื่อไหร่ก็อดที่จะแวะซื้อขนมกูลิโกะไม่ได้ ทั้งที่ไม่มีคนที่บ้านชอบกิน อดรนทนสมเพชตัวเองได้ไม่กี่วัน ฉันต้องรีบแจ้นไปบอกสุดที่รักว่า...
“ตัวเอง หาหมาให้เค้าเลี้ยงตัวนึงสิ...”

.............................
"ใบช้าว" เชียน ตีพิมพ์ครั้งแรก นิตยสาร 'm fine


All Rights Reserved.
2006 Copyright©Nanthanatcha Cheusuwan